วิธีการสังเกตสัญญาณการเสื่อมสภาพของผ้ากันไฟการสังเกตสัญญาณการเสื่อมสภาพของผ้ากันไฟเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผ้ายังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันอัคคีภัย หากผ้ากันไฟเสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดลงอย่างมาก และอาจทำให้เกิดอันตรายได้ สัญญาณเตือนที่ควรสังเกตมีดังนี้:
1. ความเสียหายทางกายภาพที่มองเห็นได้ชัดเจน:
รอยฉีกขาด, รู, หรือรอยตัด: เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าผ้าได้รับความเสียหาย การมีรูหรือรอยฉีกขาด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะทำให้เปลวไฟหรือสะเก็ดไฟสามารถทะลุผ่านได้โดยตรง ทำให้ผ้าหมดประสิทธิภาพในการป้องกัน
ขอบผ้าเปื่อยยุ่ยหรือหลุดลุ่ย (Frayed Edges): แสดงถึงการเสื่อมสภาพของเส้นใยและโครงสร้างของผ้าโดยรวม โดยเฉพาะบริเวณขอบที่อาจมีการเสียดสีบ่อยครั้ง
รอยไหม้, คราบดำ, หรือรอยด่าง: แม้ผ้ากันไฟจะไม่ติดไฟ แต่การสัมผัสกับสะเก็ดไฟหรือความร้อนสูงเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดรอยไหม้ คราบดำ หรือรอยด่างบนเนื้อผ้า ซึ่งบ่งชี้ว่าเส้นใยในบริเวณนั้นๆ ได้รับความเสียหายแล้ว และอาจเริ่มเปราะ
การเสียรูปทรง หรือการยุบตัว: หากผ้ากันไฟที่ใช้เป็นฉนวนกันความร้อนมีลักษณะยุบตัว บี้แบน หรือเสียรูปทรง แสดงว่าโครงสร้างที่กักเก็บอากาศภายในเสียหาย ทำให้ประสิทธิภาพในการกันความร้อนลดลงอย่างมาก
2. การเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติของเนื้อผ้า:
แข็งกระด้างหรือเปราะ (Stiff or Brittle): ผ้ากันไฟที่เสื่อมสภาพมักจะสูญเสียความยืดหยุ่นและนุ่มนวลไป เมื่อสัมผัสจะรู้สึกแข็งกระด้าง หรือเมื่อพับ/งอ อาจมีเสียงแตกกรอบแกรบ หรือมีเศษผงหลุดออกมาง่ายๆ
สีซีดจางหรือมีรอยด่าง (Fading or Discoloration): โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าที่ใช้งานกลางแจ้งและสัมผัสกับรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง สีของผ้าจะซีดจางลง หรือมีจุดด่างดำที่ไม่สม่ำเสมอ บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของเส้นใยและสารเคลือบ
คราบเหนียวคล้ายยางไม้เยิ้ม (Sticky or Gummy Residue): ในบางกรณีสารเคลือบผิวของผ้า (โดยเฉพาะผ้าใยแก้วที่เคลือบสารกันระคายเคืองบางชนิด) อาจเสื่อมสภาพจนกลายเป็นคราบเหนียวคล้ายยางไม้เยิ้ม ซึ่งแสดงว่าสารเคลือบนั้นหมดสภาพแล้ว และอาจทำให้ผ้าติดกันหรือหยิบใช้ยาก
3. การระคายเคืองที่เพิ่มขึ้น:
มีอาการคันหรือระคายเคืองผิวหนังมากขึ้น: สำหรับผ้าใยแก้วที่ปกติแล้วจะมีการเคลือบสารเพื่อลดอาการคัน หากสารเคลือบนั้นเสื่อมสภาพหรือหลุดลอกออกไป เส้นใยแก้วขนาดเล็กอาจฟุ้งกระจายออกมาได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ที่สัมผัสรู้สึกคัน ระคายเคืองผิวหนัง ดวงตา หรือระบบทางเดินหายใจ
4. สภาพของสารเคลือบผิว (ถ้ามี):
สารเคลือบหลุดลอก แตก หรือร้าว: หากผ้ามีการเคลือบสารป้องกัน (เช่น ซิลิโคน, ยางนีโอพรีน) และพบว่าสารเคลือบนั้นหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆ มีรอยแตก หรือรอยร้าว แสดงว่าการป้องกันความชื้น สารเคมี หรือการกันทะลุผ่านของสะเก็ดไฟจะลดลงอย่างมาก
5. สภาพของบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อ (สำหรับ Fire Blanket ที่เก็บในซอง/กล่อง):
ซองหรือกล่องบรรจุชำรุด: หากซองหรือกล่องบรรจุ Fire Blanket มีรอยฉีกขาด เปียกชื้น หรือมีร่องรอยการแกะ แสดงว่าผ้าด้านในอาจได้รับความเสียหาย หรือถูกนำไปใช้งานแล้วโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ
วันที่ผลิต/หมดอายุ: ควรตรวจสอบวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ (หากมี) แม้จะยังไม่เคยใช้งาน แต่หากเลยวันหมดอายุที่แนะนำ ก็ควรพิจารณาเปลี่ยน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด (โดยเฉลี่ยผ้ากันไฟมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปีสำหรับในร่ม และ 6-12 เดือนสำหรับกลางแจ้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยการใช้งานและการจัดเก็บ)
คำแนะนำในการตรวจสอบ:
ตรวจสอบด้วยสายตา: เป็นการตรวจสอบเบื้องต้นที่สำคัญที่สุด ควรทำอย่างสม่ำเสมอ (เช่น ทุกเดือน, ก่อนใช้งาน Hot Work ทุกครั้ง, หรือตามข้อกำหนดของโรงงาน)
สัมผัส: ลองสัมผัสเนื้อผ้าเพื่อประเมินความยืดหยุ่น ความแข็งกระด้าง หรือการมีผง/เส้นใยหลุดลุ่ย
บันทึกการตรวจสอบ: ควรจัดทำบันทึกการตรวจสอบ เพื่อติดตามสภาพและวางแผนการเปลี่ยนผ้าเมื่อถึงเวลา
หากพบสัญญาณการเสื่อมสภาพแม้เพียงเล็กน้อย ควรพิจารณาเปลี่ยนผ้ากันไฟใหม่ทันที เพราะประสิทธิภาพการป้องกันที่ลดลงเพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่อันตรายร้ายแรงได้ในสถานการณ์จริง