แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 19
1
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


2
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


3
หมอประจำบ้าน: ตาได้รับบาดเจ็บรุนแรง (Severe eye injury)

การบาดเจ็บที่เกิดกับดวงตาอาจมีความรุนแรงมากน้อยต่าง ๆ กันไป หากมีความรุนแรงนอกจากเกิดบาดแผลที่เป็นอันตรายต่อดวงตาโดยตรงแล้ว ยังอาจมีผลแทรกซ้อนตามมาได้อีกด้วย เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอตาลอก เป็นต้น


สาเหตุ

เกิดจากบาดเจ็บที่ตา เช่น ถูกต่อย ถูกตี ถูกหนังสติ๊กยิง รถชน ถูกยิง ถูกแทง เป็นต้น

อาการ

ถ้าไม่รุนแรง อาจมีเพียงรอยฟกช้ำที่ขอบตา หรือมีเลือดออกใต้ตาขาว ซึ่งมักจะไม่มีอาการปวดตา หรือตามัวแต่อย่างใด

แต่ถ้าได้รับบาดเจ็บรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการตามืดมัวลงฉับพลัน หรือปวดตารุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากมีเลือดออกในช่องลูกตาหน้า (anterior chamber) เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) เลือดออกในจอตา จอตาหรือม่านตาฉีกขาด แก้วตาเคลื่อน แผลกระจกตา เป็นต้น

ถ้ากระจกตาหรือตาขาวทะลุ จะมีของเหลวไหลออกจากลูกตา ถ้าเป็นมากอาจมีเนื้อเยื่อภายในลูกตาออกมาจุกที่แผล พวกนี้มักเกิดจากถูกมีดหรือของมีคมแทง หรือเกิดจากแรงระเบิดจากถังแก๊ส หรือขวดน้ำอัดลม


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าได้รับการกระทบกระเทือนที่ตาอย่างรุนแรง อาจทำให้เป็นจอตาลอก ต้อหิน ต้อกระจก หรือสูญเสียลูกตา


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจพบสิ่งผิดปกติ เช่น รอยฟกช้ำที่ขอบตาหรือมีเลือดออกใต้ตาขาว ภาวะเลือดออกในช่องลูกตาหน้า (ใช้ไฟส่องจะเห็นบริเวณหลังกระจกตามีลักษณะขุ่น หรือมีตะกอนเม็ดเลือดแดงลอยอยู่ในน้ำเลี้ยงลูกตาในช่องลูกตาหน้า) มีของเหลวไหลออกจากลูกตา (กระจกตาหรือตาขาวทะลุ) เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในลูกตาด้วยเครื่องมือ (เช่น slit-lamp) ส่องตรวจดูภายในลูกตา และอาจทำการตรวจพิเศษ (เช่น เอกซเรย์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าพบว่ามีของเหลวไหลออกจากลูกตา ซึ่งสงสัยว่ากระจกตาหรือตาขาวทะลุ แพทย์จะให้การรักษาตามลักษณะและความรุนแรงของบาดแผล ถ้ารูไม่ใหญ่และยังไม่มีการติดเชื้อ (ได้รับบาดเจ็บนานไม่เกิน 6 ชั่วโมง) ก็อาจทำการเย็บซ่อมแซม หรือลักษณะบาดแผลยังมีทางแก้ไขให้สามารถมองเห็นได้ ก็จะทำการซ่อมแซมดวงตาและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

แต่ถ้าเห็นว่าดวงตามีความเสียหายรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขให้มองเห็นได้ ก็อาจจำเป็นต้องผ่าตัดควักลูกตาออก หรืออาจต้องให้ยากดภูมิคุ้มกัน ได้แก่ เพร็ดนิโซโลน โดยให้ผู้ป่วยกินในขนาดสูง เพื่อป้องกันการอักเสบของผนังลูกตาชั้นกลาง (uveitis) ของตาข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอีกข้างตามมา ซึ่งเรียกว่า ตาอักเสบรุนแรงแบบเป็นร่วม (sympathetic ophthalmia)* ทำให้อาจต้องสูญเสียตา 2 ข้าง

2. ถ้ามีอาการปวดตารุนแรง หรือตามืดมัวลงทันทีหลังได้รับบาดเจ็บ ตรวจพบมีแผลกระจกตา แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและให้ยาปฏิชีวนะตามความจำเป็น อาจจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลจนกว่าจะทุเลา

3. ในรายที่มีเลือดออกในช่องลูกตาหน้า ผู้ป่วยจะมีอาการตามัว เวลาใช้ไฟส่องจะเห็นบริเวณหลังกระจกตามีลักษณะขุ่น หรือมีตะกอนเม็ดเลือดแดงลอยอยู่ในน้ำเลี้ยงลูกตาในช่องลูกตาหน้า อาการเลือดออกอาจเกิดขึ้นทันที หรือหลังได้รับแรงกระแทก 2-5 วันก็ได้ อาการดังกล่าวเรียกว่า "Hyphema"

ถ้ามีเลือดออกมาก ควรให้นอนพักในโรงพยาบาล ทำการปิดตา ให้นอนพักบนเตียงเป็นเวลา 6-7 วัน เพื่อรอให้เลือดค่อย ๆ ดูดซึมออกไป

ถ้ามีอาการปวดตามาก หรือความดันลูกตาสูง แพทย์จะให้ยาลดความดันลูกตา (เช่น อะเซตาโซลาไมด์) เพื่อป้องกันมิให้กลายเป็นต้อหิน ถ้าจำเป็นอาจต้องผ่าตัด

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เป็นต้อหินตามมาได้

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ ถ้ารุนแรงมากอาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้สายตาพิการ หรือสูญเสียดวงตา ถ้ารุนแรงปานกลาง (เช่น แผลกระจกตา เลือดออกในช่องลูกตาหน้า) หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ก็มักจะหายเป็นปกติหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้

*ภาวะตาอักเสบรุนแรงแบบเป็นร่วม พบในผู้ที่เกิดบาดแผลทะลุของลูกตา (penetrating eye wound) ซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดของแพทย์ก็ได้ เชื่อว่าตาข้างที่เกิดบาดแผลจะมีการปล่อยสารบางชนิดออกมากระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารภูมิต้านทาน ซึ่งจะไปก่อปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองต่อตาข้างที่ดี ทำให้เกิดการอักเสบทั่วผนังลูกตาชั้นกลาง รวมทั้งม่านตา (เรียกว่า panuveitis) ซึ่งอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น จานประสาทตาบวม (papilledema) หรือต้อหิน ทำให้สายตาพิการได้ ภาวะนี้พบได้ประมาณร้อยละ 0.2-0.5 ของผู้ที่มีบาดแผลทะลุของลูกตา (บ้างก็รายงานว่าพบน้อยกว่านี้มาก) ส่วนใหญ่มักเกิดหลังบาดเจ็บ 2-12 สัปดาห์ บางรายอาจเกิดหลังบาดเจ็บหลายปี

ภาวะตาอักเสบรุนแรงแบบเป็นร่วม สามารถป้องกันได้โดยการควักลูกตาข้างที่บาดเจ็บออก ซึ่งควรทำภายใน 2 สัปดาห์หลังบาดเจ็บ แต่ในแง่ปฏิบัติ แพทย์อาจลองรักษาตาข้างที่บาดเจ็บและรอดูอาการไปก่อน ขณะเดียวกันก็จะให้ยาสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิคุ้มกันอื่น ๆ (เช่น ไซโคลสปอรีน) เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองต่อตาข้างที่ดี

ส่วนในกรณีที่เกิดภาวะนี้ขึ้นมาแล้ว การให้ยากดภูมิคุ้มกันรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้


การดูแลตนเอง

หากตาได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลที่ตา หรือไม่มีบาดแผลแต่มีอาการปวดตา เคืองตา ตาพร่ามัว ควรรีบปรึกษาแพทย์ ดูแลรักษา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ

หากได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีรอยห้อเลือดที่ตาขาว ไม่มีอาการปวดตา และมองเห็นได้ชัดตามปกติ ก็ให้การดูแลแบบ "โรคเลือดออกใต้ตาขาว"


การป้องกัน

ระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่กระทบต่อดวงตา

เวลาทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อดวงตา (ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดต้อหินได้) ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันตา


ข้อแนะนำ

หากได้รับบาดเจ็บหรือการกระทบกระเทือนต่อดวงตา ถึงแม้ไม่มีบาดแผลภายนอก ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคตาแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในช่องลูกตาหน้า แก้วตาเคลื่อน จอตาลอก ต้อหิน ต้อกระจก เป็นต้น ก็ควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการปวดตา ตาพร่ามัว ซึ่งเกิดหลังได้รับบาดเจ็บทันที หรือเกิดตามมาในภายหลัง ก็ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

4
จัดฟันบางนา: ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าฟันคุด และวิธีรักษา

“ฟันคุด” คือ ฟันที่ขึ้นมาอย่างผิดปกติในช่องปาก จะขึ้นมาเพียงส่วนหนึ่ง ทั้งที่ตามธรรมชาติแล้วฟันทุกซี่จะต้องโผล่ขึ้นออกมาทั้งหมด หรือบางทีฟันคุดอาจจะฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็นเลยก็มีเหมือนกัน

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วฟันซี่ที่พบฟันคุดมากที่สุด ก็คือ ฟันกรามล่างซี่สุดท้าย ซึ่งจะอยุ่ด้านในสุดของกระดูกขากรรไกร ซึ่งส่วนมากที่พบจะโผล่มาในลักษณะเอียง หรือนอนในแนวระนาบ และจะขึ้นมาอยู่ชิดกดดันฟันข้างเคียงเสมอ ส่วนฟันซี่อื่นๆก็อาจจะเกิดการคุดได้แต่จะพบได้น้อยมาก โดยส่วนใหญ่แล้วหากพบฟันคุดจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดออก

ซึ่งในวันนี้จะขอมาพูดถึงประเด็นอาการแทรกซ้อนที่มักพบได้บ่อยจากการผ่าตัดฟันคุด ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


ทราบได้อย่างไรว่ามีฟันคุด ?

หากว่าทำการตรวจสอบช่องปากของตนเอง แล้วพบว่ามีฟันโผล่ขึ้นมาเพียงบางส่วน หรือมีฟันซี่ไหนหายไป ก็ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าท่านอาจจะเป็นฟันคุด และไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการ X-ray เพื่อให้เกิดความแน่ใจและชัดเจนอีกครั้งว่าท่านมีฟันคุด หลังจากนั้นทันตแพทย์ก็จะพูดคุยถึงแผนการรักษาเรื่องการผ่าตัดฟันคุดต่อไป


หลังจากผ่าตัดฟันคุดควรทำอย่างไร ?

– ให้ทำการกัดผ้าก๊อซทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถกลืนน้ำลายได้ตามปกติ

– ห้ามทำการบ้วนเลือดหรือน้ำลาย เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เลือดไหลไม่หยุด

– หลังจากครบ 1 ชั่วโมงแล้วให้คายผ้าก๊อซที่กัดอยู่ออก แต่หากพบว่ายังมีเลือดไหลอยู่ก็ให้ทำการหาผ้าก๊อซชิ้นใหม่มากัดทิ้งไว้อีกประมาณ 30 นาที

– ประคบน้ำแข็งบริเวณแก้มที่ผ่าตัด

– รับประทานอาหารอ่อน

– รับประทานยาตามที่ทันตแพทย์สั่งให้ครบ

– งดออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา

– แปรงฟันได้ตามปกติ

– ไปตัดไหมหลังจากผ่าตัด 7 วัน

– หากว่ามีปัญหาผิดปกติ หรือมีอาการแทรกซ้อน ควรพบทันตแพทย์โดยเร็ว


อาการแทรกซ้อนหลังจากผ่าตัดฟันคุด ?

– เลือดออกมากผิดปกติ

เป็นปกติอยู่แล้วที่จะมีเลือดออกหลังจากการผ่าตัด แต่การกัดผ้าก๊อซก็จะช่วยให้เลือดหยุดไหลในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง แต่ถ้าหากว่าหลังจากครบเวลายังมีเลือดออกมากผิดปกติ มักเกิดจากการที่หยุดเลือดหลังผ่าตัดไม่เพียงพอ หรือจากการกรีดตัด retromolar vessel แต่ถ้าหากว่ายังมีเลือดออกมากเป็นเวลาหลายวันแสดงว่าแผลผ่าตัดของท่านกำลังติดเชื้อ

วิธีรักษาคือเข้าพบทันตแพทย์ผู้รักษาโดยด่วน เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีเศษฟันตกค้างอยู่หรือไม่ หากว่ามีการติดเชื้อทันตแพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย

– การบวม

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในปฏิกิริยาการตอบสนองของมนุษย์เมื่อพบเจอภัยอันตราย ที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดฟันคุด ส่วนใหญ่จะมักบวมด้านนอกบริเวณแก้ม ผลมาจากการกรีดตัดเส้นใยของกล้ามเนื้อ หรืออาจเกิดจากเยื่อหุ้มกระดูกถูกฉีกขาด จึงทำให้เกิดอาการบวม ซึ่งส่วนใหญ่จะบวมอยู่ประมาณ 2 วัน แล้วร่างกายจะรักษาและปรับตัวเองตามธรรมชาติ

วิธีรักษาเบื้องต้นง่ายๆ คือการเอาน้ำแข็งมาประคบที่แก้มด้านนอกฝั่งที่บวม แต่ควรประคบแค่ในวันที่ทำการผ่าตัดมาเท่านั้น

– อาการติดเชื้อ

หากว่าได้ทำการผ่าฟันคุด และมีอาการบวมต่อเนื่องไม่ยอมยุบลงแม้ว่าจะผ่านไป 3-4 วันแล้วก็ตาม มักจะมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ซึ่งจะมีอาการต่างจากการบวมตามธรรมชาติหลังผ่าตัด เพราะจะมีไข้สูง ผิวหนังด้านนอกบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาการติดเชื้อเหล่านี้มักเกิดจากการที่ดูแลสุขภาพช่องปากหลังผ่าตัดได้ไม่ดีเพียงพอ อาจเนื่องจากไม่กล้าที่จะทำความสะอาดช่องปากตามปกติ จึงส่งผลให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคอักเสบและติดเชื้อตามมา

วิธีการรักษาคือควรเข้าพบทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาเพื่อตรวจดูอาการ หากมีหนองทันตแพทย์จะทำการกรีดหนองออก ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ และอุดหลวมๆ

– อ้าปากไม่ขึ้น

ส่วนใหญ่แล้วการอ้าปากไม่ขึ้นหลังจากผ่าตัดฟันคุด จะพบในบุคคลที่ทำการผ่าตัดฟันคุดด้านล่าง สาเหตุเกิดจากกล้ามเนื้อหดเกร็ง เป็นผลมาจากอาการอักเสบหลังจากผ่าตัด รวมถึงการติดเชื้อ และเทคนิคการฉีดยาไม่ถูกต้อง

วิธีรักษาอาการเบื้องต้นก็คือ ใช้น้ำอุ่นประคบนอก และทำการอมเกลือฆ่าเชื้อและบ้วนออก หากว่าอาการยังไม่ดีขึ้นให้รีบเข้าพบทันตแพทย์โดยเร็ว

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือส่วนหนึ่งของโรคแทรกซ้อนที่อาจพบได้จากการถอนฟันคุด ให้ตั้งสติอย่างตกใจ และหาทางแก้ไขโดยเร็ว อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจจะรุกรามได้นั่นเอง

5
การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านตามลำดับ

การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านให้สวยงามและลงตัวควรทำตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้บ้านของคุณออกมาดูดีและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุดค่ะ

1. กำหนดสไตล์และวางแผนงบประมาณ

กำหนดสไตล์การตกแต่ง: ก่อนจะซื้ออะไรเลย ให้ตัดสินใจก่อนว่าชอบสไตล์ไหน เช่น มินิมอล, โมเดิร์น, หรือวินเทจ เพราะสไตล์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกของได้ง่ายขึ้น

วางแผนงบประมาณ: ตั้งงบประมาณรวมและงบประมาณสำหรับเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้บานปลาย


2. เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่

เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก: เริ่มจากการซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่และเป็นหัวใจสำคัญของแต่ละห้องก่อน เช่น โซฟา สำหรับห้องนั่งเล่น, เตียงนอน สำหรับห้องนอน, และ ชุดโต๊ะอาหาร สำหรับห้องรับประทานอาหาร

คำนึงถึงขนาดและสัดส่วน: วัดขนาดพื้นที่ให้ละเอียด เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ไม่ทำให้ห้องดูคับแคบ และสามารถนำเข้าไปติดตั้งในบ้านได้สะดวก


3. เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นรอง

เฟอร์นิเจอร์เสริม: หลังจากได้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักแล้ว ให้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นรองที่มาช่วยเติมเต็มฟังก์ชันการใช้งาน เช่น โต๊ะกลาง, ชั้นวางของ, ตู้เก็บของ หรือ โต๊ะข้างเตียง

เน้นฟังก์ชันการใช้งาน: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าหนึ่งอย่าง เช่น โต๊ะที่มีช่องเก็บของ หรือเก้าอี้ที่พับเก็บได้ เพื่อประหยัดพื้นที่


4. เลือกซื้อของตกแต่งบ้าน

ของตกแต่งหลัก: เริ่มจากของตกแต่งที่มีขนาดใหญ่หรือมีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศ เช่น ผ้าม่าน, พรม, และ กรอบรูป หรือ งานศิลปะขนาดใหญ่

ของตกแต่งขนาดเล็ก: ขั้นตอนสุดท้ายคือการเพิ่มรายละเอียดให้ห้องดูน่าสนใจด้วยของตกแต่งขนาดเล็ก เช่น หมอนอิง, แจกัน, โคมไฟ, หรือ ต้นไม้

การทำตามลำดับขั้นตอนจะช่วยให้คุณเลือกซื้อของได้อย่างเป็นระบบ ทำให้บ้านดูสวยงามและลงตัวในทุกมุมมองค่ะ

6
การทำอาหารไทยง่ายๆสร้างอาชีพได้ แนวทางอาหารไทยสุดคลาสสิกสร้างอาชีพได้

อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกด้วยรสชาติที่เข้มข้น กลิ่นหอมของเครื่องเทศและรสชาติที่สมดุลของรสหวาน เปรี้ยว เค็มและเผ็ด หากคุณกำลังมองหาวิธีง่ายๆ ในการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร การทำอาหารไทยแบบง่ายๆ ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ต่อไปนี้คือสูตรอาหารไทยคลาสสิกบางส่วนที่เตรียมง่าย ใช้ส่วนผสมเพียงเล็กน้อยและสามารถเปลี่ยนเป็นธุรกิจอาหารที่ทำกำไรได้

การทำอาหารไทยง่ายๆ สร้างอาชีพได้นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะอาหารไทยเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนทั่วโลก หากคุณมีความสนใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจอาหารไทย นี่คือแนวทางและเมนูอาหารที่น่าสนใจที่คุณสามารถนำไปพิจารณาได้


แนวทางการสร้างอาชีพจากอาหารไทยง่ายๆ:

เลือกลงทุนกับเมนูยอดนิยม: ศึกษาเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของตลาด เน้นเมนูที่ทำง่าย วัตถุดิบหาได้สะดวก และมีต้นทุนไม่สูง

สร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์: ปรับสูตรอาหารให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นำเสนอเมนูอาหารในรูปแบบที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ เน้นใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและสดใหม่

ช่องทางการขายที่หลากหลาย: ขายอาหารผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ต่างๆเปิดร้านอาหารขนาดเล็ก หรือทำอาหารแบบเดลิเวอรี่ส่งถึงบ้าน ออกร้านขายอาหารตามตลาดนัด หรือเทศกาลต่างๆ

การตลาดและประชาสัมพันธ์: สร้างแบรนด์และเรื่องราวของร้านให้เป็นที่น่าจดจำ ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการโปรโมทร้านและเมนูอาหารสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับปรุง


ต่อไปนี้คือสูตรอาหารไทยคลาสสิกบางส่วนที่เตรียมง่ายใช้ส่วนผสมเพียงเล็กน้อย

1. ผัดไทย
ผัดไทยเป็นอาหารไทยที่โด่งดังที่สุดอย่างหนึ่ง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจอาหาร ผัดไทยปรุงง่าย และไม่ต้องใช้วัตถุดิบราคาแพง
วัตถุดิบ:
เส้นก๋วยเตี๋ยว
ไข่
กุ้ง หรือ เต้าหู้
ถั่วงอก
ต้นหอม
ถั่วลิสงบด
น้ำมะขามเปียก
น้ำปลา
น้ำตาลมะพร้าว
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ผัดไทยเป็นอาหารริมทางที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และคุณสามารถขายได้ตามตลาดอาหาร รถขายอาหาร หรือทางออนไลน์เพื่อจัดส่ง

2. ข้าวผัด
ข้าวผัดไทยเป็นเมนูง่ายๆ แต่แสนอร่อยที่สามารถทำได้ด้วยโปรตีนหลายประเภท เช่น ไก่ กุ้ง หรือปู
วัตถุดิบ:
ข้าวหอมมะลิหุงสุก
ไข่
กระเทียม
หัวหอม
ซีอิ๊วขาว
น้ำปลา
ต้นหอม
มะนาวและแตงกวาสำหรับตกแต่ง
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี:
ข้าวผัดเป็นอาหารจานเดียวที่สามารถทำเสร็จได้รวดเร็ว จึงเหมาะกับการซื้อกลับบ้านหรือจัดส่งถึงบ้าน

3. ส้มตำ
ส้มตำคือส้มตำเขียวสดๆ รสเผ็ดจัด เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้ชื่นชอบอาหารไทย
วัตถุดิบ:
มะละกอดิบหั่นฝอย
มะเขือเทศเชอร์รี่
ถั่วเขียว
กระเทียม
พริก
น้ำปลา
น้ำมะนาว
น้ำตาลมะพร้าว
ถั่วลิสงคั่ว
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ส้มตำถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะส้มตำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่สดชื่น ปรุงง่าย และเข้ากันได้ดีกับเนื้อย่างหรือข้าวเหนียว

4. ไก่ทอด
ไก่ทอดสไตล์ไทยนั้นกรอบ อร่อย และทำง่าย จึงเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน และสามารถขายตามแผงขายอาหารหรือจัดส่งถึงบ้านได้
วัตถุดิบ:
ปีกไก่หรือน่องไก่
กระเทียม
รากผักชี
น้ำปลา
ซีอิ๊วขาว
แป้งข้าวเจ้า
น้ำมันสำหรับทอด
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ไก่ทอดเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ และไก่ทอดสไตล์ไทยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้แตกต่างจากไก่ทอดทั่วไป

5. ต้มยำกุ้ง
ต้มยำกุ้งเป็นซุปไทยที่มีรสชาติกลมกล่อม เผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นหอม
วัตถุดิบ:
กุ้ง
ตะไคร้
ใบมะกรูด
ข่า
น้ำพริก
น้ำมะนาว
น้ำปลา
เห็ด
เหตุใดจึงเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ดี: ต้มยำถือเป็นเมนูยอดนิยมที่สามารถขายเป็นอาหารจานเดียวหรือเป็นเซ็ตพร้อมข้าวก็เหมาะมากสำหรับร้านอาหารหรือธุรกิจจัดส่ง


เคล็ดลับการเริ่มต้นธุรกิจอาหารไทย

เริ่มต้นเล็กๆ:คุณสามารถเริ่มต้นโดยการขายอาหารจากที่บ้าน ในตลาด หรือผ่านแพลตฟอร์มการจัดส่งออนไลน์
เน้นที่อาหารจานเดียวหรือสองจาน:การเชี่ยวชาญในรายการเพียงไม่กี่รายการทำให้การปรับปรุงสูตรอาหารให้สมบูรณ์แบบได้ง่ายขึ้นและดึงดูดลูกค้าประจำได้
ใช้ส่วนผสมสดใหม่:อาหารไทยต้องใช้ส่วนผสมที่สดและมีรสชาติดี การเลือกใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงจะช่วยสร้างความแตกต่าง
โปรโมทบนโซเชียลมีเดีย:ถ่ายรูปอาหารของคุณสวยๆ และโพสต์บน Facebook, Instagram และ TikTok เพื่อดึงดูดลูกค้า
เสนอการปรับแต่ง:ให้ลูกค้าเลือกระดับความเผ็ดหรือเพิ่มท็อปปิ้งพิเศษเพื่อทำให้จานอาหารน่ารับประทานมากขึ้น

การเริ่มต้นธุรกิจอาหารไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก ด้วยอาหารไทยง่ายๆ เหล่านี้ คุณสามารถเปลี่ยนทักษะการทำอาหารของคุณให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ ไม่ว่าคุณจะขายที่บ้าน รถเข็นขายอาหาร หรือร้านอาหาร อาหารไทยก็เป็นที่ต้องการอยู่เสมอ


7
ประกาศฟรีออนไลน์ / Doctor At Home: เอสแอลอี (SLE)
« เมื่อ: วันที่ 14 สิงหาคม 2025, 17:14:05 น. »
Doctor At Home: เอสแอลอี (SLE)

เอสแอลอี เป็นชื่อเรียกทับศัพท์ของอักษรย่อในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีคำเต็มว่า systemic lupus erythematosus

โรคนี้มักจะมีความผิดปกติของอวัยวะได้หลายระบบ (เช่น ผิวหนัง ข้อกระดูก ไต ปอด หัวใจ เลือด สมอง เป็นต้น) พร้อม ๆ กัน และอาจมีความรุนแรงทำให้พิการหรือตายได้

โรคนี้พบประปรายได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในช่วงอายุ 20-45 ปี และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 10 เท่า

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการตอบสนองอย่างผิดปกติต่อเชื้อโรคหรือสารเคมีบางอย่าง ทำให้มีการสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเนื้อเยื่อต่าง ๆ จึงจัดเป็นโรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune) เช่นเดียวกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

บางครั้งอาจพบมีสาเหตุกระตุ้นให้อาการกำเริบ เช่น ยาบางชนิด (เช่น ซัลฟา ไฮดราลาซีน เมทิลโดพา โปรเคนเอไมด์ ไอเอ็นเอช คลอร์โพรมาซีน ควินิดีน เฟนิโทอิน ไทโอยูราซิล) การถูกแดด การกระทบกระเทือนทางจิตใจ การตั้งครรภ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังสันนิษฐานว่า อาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิง (เนื่องจากพบมากในหญิงวัยหลังมีประจำเดือน และก่อนวัยหมดประจำเดือน) และกรรมพันธุ์ (พบมากในคนที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้)


อาการ

ที่พบได้บ่อยคือ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตามตัว ปวดและบวมตามข้อต่าง ๆ ซึ่งโดยมากจะเป็นตามข้อเล็ก ๆ (เช่น ข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า) ทั้ง 2 ข้างคล้าย ๆ กับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (แต่ต่างกันที่ไม่มีลักษณะหงิกงอ ข้อพิการ) ทำให้กำมือลำบาก

อาการเหล่านี้จะค่อยเป็นค่อยไปเป็นแรมเดือน

นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมักจะมีผื่นหรือฝ้าแดงขึ้นที่ข้างจมูกทั้ง 2 ข้าง ทำให้มีลักษณะเหมือนปีกผีเสื้อ เรียกว่า ผื่นปีกผีเสื้อ (butterfly rash)

บางรายมีอาการแพ้แดด คือ เวลาไปถูกแดด ผิวหนังจะมีผื่นแดงเกิดขึ้น และผื่นแดงที่ข้างจมูก (ผื่นปีกผีเสื้อ) จะเกิดขึ้นชัดเจน อาการไข้และปวดข้อจะเป็นรุนแรงขึ้น

บางรายอาจมีจุดแดง (petechiae) หรือมีประจำเดือนมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นอาการระยะแรกของโรคนี้ก่อนมีอาการอื่น ๆ ให้เห็นชัดเจน บางครั้งแพทย์อาจวินิจฉัยว่าเป็นไอทีพี

บางรายอาจมีอาการหูอื้อ หูตึง ผมร่วงมาก มีจ้ำแดง ๆ ขึ้นที่ฝ่ามือ นิ้วมือนิ้วเท้าซีดขาวและเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเวลาถูกความเย็น (Raynaud’s phenomenon) หรือมีภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลาย

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการบวมทั้งตัว (จากไตอักเสบ) หายใจหอบ (จากปอดอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรือหัวใจวาย) ชีพจรเต้นเร็วหรือไม่เป็นจังหวะ (จากหัวใจอักเสบ)

ในรายที่มีการอักเสบของหลอดเลือดในสมอง อาจทำให้มีอาการทางประสาท เช่น เสียสติ ซึม เพ้อ ประสาทหลอน แขนขาอ่อนแรง ตาเหล่ ชัก หมดสติ และอาจตายภายใน 3-4 สัปดาห์

ส่วนมากจะมีอาการกำเริบ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังเป็นปี ๆ

ภาวะแทรกซ้อน

อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่าง ๆ อาทิ

    ไต เช่น ไตอักเสบ ไตวาย
    ปอด เช่น เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปอดอักเสบ เลือดออกในปอด ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion)
    หัวใจ เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ (pericardial effusion) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจวาย
    เลือดและหลอดเลือด เช่น โลหิตจาง เลือดออกง่าย หลอดเลือดอักเสบ ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
    สมองและระบบประสาท เช่น สมองอักเสบ (ทำให้มีอาการชัก สับสน โรคจิต) โรคลมอัมพาต (สโตร๊ก) จากลิ่มเลือดอุดตันในสมอง ความจำเสื่อม ภาวะซึมเศร้า ไขสันหลังอักเสบ
    กระดูก เช่น กระดูกพรุน กระดูกหัก ซึ่งเป็นแทรกซ้อนจากตัวโรคเองและการใช้ยาสเตียรอยด์ในการรักษา
    การติดเชื้อ เช่น โรคติดเชื้อของผิวหนัง ทางเดินหายใจ และทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำจากตัวโรคและการใช้ยากดภูมิคุ้มกันในการรักษา
    มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ผู้ที่เป็นโรคนี้ยังอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่าคนทั่วไป
    หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคนี้ อาจมีอาการกำเริบมากขึ้น และเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ภาวะครรภ์เป็นพิษ ทารกคลอดก่อนกำหนด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่มีอาการเล็กน้อย ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ระยะต่อมาจะพบไข้ ผื่นปีกผีเสื้อที่แก้ม ข้อนิ้วมือนิ้วเท้าบวมแดง ผมร่วงผมบาง อาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองโต ตับ ม้ามโต

นอกจากนี้อาจพบอาการอื่น ๆ เช่น จุดแดงจ้ำเขียวตามตัว ลมพิษ ภาวะซีด ตาเหลือง (ดีซ่าน) บวม ชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หายใจหอบเร็ว เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด อาจพบว่ามีภาวะโลหิตจาง จำนวนเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ ค่าอีเอสอาร์ (ESR) สูง พบแอนตินิวเคลียร์แอนติบอดี (antinuclear antibody/ANA)

ตรวจเลือดดูการทำงานของตับและไต อาจพบว่าผิดปกติ

ตรวจปัสสาวะอาจพบสารไข่ขาวและเม็ดเลือดแดง

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจเอกซเรย์ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจพิเศษอื่น ๆ

บางรายแพทย์อาจทำการตรวจชิ้นเนื้อผิวหนังและไต


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ในรายที่เป็นไม่รุนแรง (เช่น มีไข้ ปวดข้อ มีผื่นแดงขึ้นที่หน้า) อาจเริ่มให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก ไพร็อกซิแคม นาโพรเซน) ถ้าไม่ได้ผลอาจให้ไฮดรอกซีคลอโรควีน (hydroxychloroquine) เพื่อช่วยลดอาการเหล่านี้

ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะให้สเตียรอยด์ เช่น เพร็ดนิโซโลน ติดต่อกันเป็นสัปดาห์หรือหลายเดือน เพื่อลดการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ เมื่อดีขึ้นจึงค่อย ๆ ลดยาลง และให้ในขนาดต่ำควบคุมอาการไปเรื่อย ๆ อาจนานเป็นแรมปี หรือจนกว่าจะเห็นว่าปลอดภัย ถ้าไม่ได้ผลอาจต้องให้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น เมโทเทรกเซต (methotrexate), ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide), อะซาไทโอพรีน (azathioprine), ไมโคฟีโนเลตโมเฟทิ (mycophenolate mofeti) เป็นต้น บางรายที่ดื้อต่อยากลุ่มอื่น แพทย์อาจให้ยากลุ่มใหม่ เช่น ไรทูซิแมบ (rituximab), เบลิมูแมบ (belimumab)

นอกจากนี้ อาจให้ยารักษาตามอาการและภาวะที่พบ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาบำรุงโลหิต (ถ้าซีด) ยาปฏิชีวนะ (ถ้ามีการติดเชื้อ) เป็นต้น

ผลการรักษา ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและตัวผู้ป่วย บางรายอาจมีโรคแทรกซ้อน และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในเวลาไม่นาน

บางรายอาจมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว ถ้าผู้ป่วยสามารถมีชีวิตรอดจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้เกิน 5 ปี โรคก็จะไม่กำเริบรุนแรง และค่อย ๆ สงบไปได้ นาน ๆ ครั้งอาจมีอาการกำเริบ แต่อาการมักจะไม่รุนแรง และผู้ป่วยสามารถมีชีวิตเยี่ยงคนปกติได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้เรื้อรัง (นานเกิน 7 วัน) ปวดบวมตามข้อนิ้วมือและกำมือลำบาก มีผื่นหรือฝ้าแดงที่ข้างจมูก จุดแดงตามผิวหนัง หน้าตาซีด เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเอสแอลอี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

1. รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

2. ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

3. ควรปฏิบัติตัว ดังนี้

    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น สวดมนต์ ไหว้พระ ทำสมาธิ ฝึกโยคะ รำมวยจีน เป็นต้น
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เป็นต้น ควรออกกำลังแต่พอประมาณ อย่าให้หนักเกินไป
    บำรุงร่างกายด้วยอาหารสุขภาพ กินอาหารครบ 5 หมู่อย่างถูกสัดส่วนตามหลักธงโภชนาการ
    หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด เพราะจะกระตุ้นให้ผื่นที่ผิวหนังกำเริบมากขึ้น ถ้าจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง ควรกางร่ม สวมหมวก หรือใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
    งดบุหรี่ เพื่อสุขภาพและป้องกันโรคแทรกซ้อนทางปอด หัวใจและหลอดเลือด
    งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน และการมีปฏิกิริยากับยาที่รักษา
    ถ้ามีโอกาส ควรเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มมิตรภาพบำบัดสำหรับกลุ่มผู้ป่วยโรคนี้ เพื่อเรียนรู้และดูแลช่วยเหลือ เสริมกำลังใจกัน
    ผู้ป่วยมักมีภูมิคุ้มกันต่ำ ควรพยายามหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เช่น อย่ากินอาหารหรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาด อย่าเข้าใกล้คนที่ไม่สบาย อย่าเข้าไปในที่ที่มีคนแออัด เป็นต้น
    หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง เพราะอาจมีผลทำให้โรคกำเริบ หรือเกิดปฏิกิริยาด้านลบกับยาที่ใช้รักษาอยู่ก่อน
    สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ ควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้โรคกำเริบมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผู้ป่วยและทารกในครรภ์ได้ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการคุมกำเนิด จนกว่าโรคเข้าสู่ระยะสงบ และแพทย์เห็นว่าสามารถตั้งครรภ์ได้

4. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้สูง ปวดท้องมาก ท้องเดินมาก อาเจียนมาก เจ็บหน้าอก บวม หน้าตาซีด อ่อนเพลีย แขนขาชาหรืออ่อนแรง เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกลายเป็นรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้สามารถแสดงอาการได้หลายแบบ เช่น มีไข้เรื้อรังคล้ายมาลาเรีย เอดส์ วัณโรค มีจุดแดงขึ้นคล้ายไอทีพี บวมคล้ายโรคไตเนโฟรติก ชักหรือหมดสติคล้ายสมองอักเสบ เสียสติ เพ้อคลั่งคล้ายคนวิกลจริต เป็นต้น ดังนั้น ถ้าพบผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นอาการของระบบใดโดยไม่ทราบสาเหตุควรนึกถึงโรคนี้ไว้เสมอ

2. โรคนี้ถึงแม้จะมีความรุนแรง แต่ถ้าติดต่อรักษากับแพทย์เป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อน และมีชีวิตยืนยาวได้

8
เคล็ดลับการเลือก รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ทำอย่างไรให้ราคาไม่แพงและบริการดี?

เคล็ดลับการเลือก รถรับจ้างขนย้ายบ้าน แบบไหนถึงจะคุ้มเรา?

การเลือก รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ในกระบวนการย้ายบ้านหรือขนของทั่วไปเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่มีผลต่อประสบการณ์ทั้งหมดของคุณ โดยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาในบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและสอดคล้องกับความต้องการของคุณ:

การเลือกรถรับจ้างขนย้ายบ้าน: ทำอย่างไรให้ราคาไม่แพงและบริการดี?

1. วิเคราะห์ความต้องการของคุณ:

เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับปริมาณของของที่คุณต้องการย้าย และระยะทางที่จะเดินทาง นี้จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดความจุที่เหมาะสมของรถรับจ้างที่คุณต้องการ. ว่าจะเลือกรถรับจ้างขนของแบบไหน จะ รถกระบะรับจ้าง หรือ รถ4ล้อรับจ้าง หรือ รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้าน เป็นต้น


2. เปรียบเทียบราคา:

เปรียบเทียบราคาระหว่างบริษัทรถรับจ้างที่มีในพื้นที่ของคุณ อย่าลืมให้ขอใบเสนอราคาและความสามารถในการตกลงราคาเพิ่มเติมให้ได้ราคาที่เหมาะสม


3. ความน่าเชื่อถือของบริษัท:

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อถือและความซื่อสัตย์ของบริษัทรับจ้าง ดูรีวิวจากลูกค้าก่อนหน้าและแนะนำจากคนที่คุณรู้จักรวมถึงประสบการณ์ในการ ขนย้ายบ้าน


4. ความสามารถในการจัดการกับของ:

ตรวจสอบว่าบริษัทมีความสามารถในการจัดการกับประเภทของของที่คุณมี เช่น ของที่มีขนาดใหญ่,ตู้เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็น เฟอร์นิเจอร์ หรือวัตถุที่บอกเลยว่าอยู่ในประเภทของ "พิเศษ." ต้องปลอดภัย


5. สอบถามเรื่องประกัน:

ถามเรื่องประกันที่บริษัทรับจ้างมี มีการคุ้มครองทั้งที่เกี่ยวกับความคุ้มครองของของและความปลอดภัยขณะขนย้ายหรือไม่.


6. ตรวจสอบเอกสาร:

ก่อนที่คุณจะตกลงทำธุรกรรมกับบริษัท รถรับจ้าง ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดอย่างรอบคอบ เช่น ใบเสนอราคา, สัญญา, และใบรับรองการประกัน.


7. สอบถามเรื่องบริการเพิ่มเติม:

ถามเกี่ยวกับบริการที่อาจจะเสริมค่าให้ เช่น การช่วยเตรียมของ, การติดตั้ง, การยกของ หรือบริการที่สามารถทำให้กระบวนการย้ายของคุณง่ายขึ้น.


8. ทดลองติดต่อ:

ทดลองติดต่อบริษัท รถรับจ้างขนย้ายบ้าน โดยการสอบถามคำถามและดูว่าพวกเขาให้บริการลูกค้าดีแบบไหน.


9. เช็คระยะเวลา:

สอบถามเรื่องระยะเวลาที่รถรับจ้างจะใช้ในการขนของของคุณ และแนะนำให้ติดตามสถานะของรถขณะที่อยู่ในระหว่างขนย้าย


10. ไม่ลืมการตรวจสอบประกันรถ:

ตรวจสอบว่ารถที่จะให้บริการมีประกันภัยเพียงพอหรือไม่.

การเลือกรถรับจ้างเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการย้ายของ การวางแผนอย่างถูกต้องและการเลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณมั่นใจและทำให้กระบวนการนี้เป็นประสบการณ์ที่ราบรื่น.

เมื่อคุณ ขนย้ายบ้าน มีของหลายชนิดที่ต้องถอดประกอบและติดตั้งใหม่ อะไรบ้าง

เฟอร์นิเจอร์:

ตู้เสื้อผ้า

โต๊ะ

เตียง

ตู้เสื้อผ้า

โต๊ะทำงาน

ตู้ทีวี

ชั้นวางของ

อุปกรณ์ทำครัว:

ไมโครเวฟ

ตู้เย็น

เตา

กระทะ

เครื่องครัวทั่วไป (เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น, เครื่องทำกาแฟ)

เครื่องใช้ไฟฟ้า:

ทีวี

เครื่องซักผ้า

เครื่องอบผ้า

เครื่องดูดฝุ่น

เครื่องปรับอากาศ

ของใช้ทั่วไป:

โคมไฟ

ผ้าม่าน

กระจก

โปสเตอร์หรือรูปภาพ

หนังสือ, วัสดุการอ่าน

การ์เมนต์และตกแต่ง:

ผ้าม่าน

ภาพวาด

ตกแต่งห้อง

พวงกุญแจและรูปแบบตกแต่ง

เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนตัว:

ไอรอน

หม้อนึ่ง

เครื่องปรับผม

กระจกแปรงสี

เครื่องนวดหลัง

เครื่องใช้ทั้งหมดในห้องน้ำ:

กระจก

ไว้รีดผม

ตะแกรงระบายน้ำ

กล่องของใช้ส่วนตัว

ของเล่นและของเล่นสำหรับเด็ก:

ของเล่นต่าง ๆ

สมุดภาพ

ลูกบอล

จักรยาน

อุปกรณ์ทำสวน:

กรรไกร

รถเข็นหญ้า

ถุงปุ๋ย

กระบองต้นไม้

ของใช้ที่อาจต้องเคลื่อนย้ายด้วยตนเอง:

กล่องของทั่วไป

กระสอบ

กระเป๋าเดินทาง

กล่องอุปกรณ์

ทั้งนี้หากมีของที่คุณต้องการอย่างเฉพาะ เช่น บริการรถรับจ้างไปยังที่ใหม่ กรุณาตรวจสอบเป็นรายเฉพาะเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีของสำคัญที่ลืมถอดหรือติดตั้งในที่ใหม่ของคุณ.


รถรับจ้างพร้อมคนยก

การเลือกใช้ รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้าน (ที่มักเป็นรถบรรทุก) ในกระบวนการย้ายบ้านมีเหตุผลหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับบางคน:


ความจุของพื้นที่:

รถหกล้อมักมีพื้นที่ในการจัดเก็บของมากกว่ารถกระบะ. นี้มีผลให้คุณสามารถย้ายของได้มากมายในการเดียว, ลดจำนวนครั้งที่ต้องเคลื่อนย้าย.


การขนส่งของใหญ่:

รถหกล้อรับจ้าง มีความสามารถในการขนของที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก. นั่นหมาะสำหรับบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของใหญ่ๆ ที่ต้องการการขนส่ง.


ความคุ้มค่าทางการเงิน:

การ เช่ารถหกล้อรับจ้าง อาจมีราคาที่คุ้มค่ากว่าการใช้รถกระบะหลายครั้ง. ค่าบริการมักจะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ใช้บริการ, ระยะทาง, และปริมาณของของ.


ความสะดวกสบาย:

การใช้รถหกล้อรับจ้างทำให้การย้ายของเป็นไปอย่างสะดวกสบาย โดยคุณไม่ต้องทำมากนักในการจัดเตรียมของหรือการเคลื่อนย้าย.


ความปลอดภัยของของ:

รถหกล้อมักมีระบบที่ดีเพื่อความปลอดภัยของของที่ถูกขนย้าย ส่วนใหญ่ของบริษัทรถรับจ้างที่มีความเชี่ยวชาญมักจะป้องกันของที่ถูกขนย้ายอย่างดี.


ลดเวลาและพลังงาน:

การใช้รถหกล้อรับจ้างช่วยลดเวลาและพลังงานที่ใช้ในการเคลื่อนย้าย เนื่องจากคุณสามารถย้ายของได้มากในการเดียว.


การขนส่งไกล:

หากคุณย้ายไปยังที่ที่ห่างไกล ขนย้ายของไปต่างจังหวัด  การใช้รถหกล้อรับจ้างสามารถเป็นตัวเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลา.

แม้ว่ารถหกล้อรับจ้างจะมีข้อได้เปรียบในบางกรณี, ควรพิจารณาความต้องการและปริมาณของของที่คุณต้องการย้ายเพื่อตัดสินใจว่ามันเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ.


การเช็คตรวจสอบสินค้าหลังการขนย้ายของเสร็จ

เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้คุณตรวจสอบว่าสินค้าของคุณถูกขนย้ายไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสมบูรณ์. ตรวจสอบสินค้าให้ละเอียดเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีความเสียหายหรือขาดหายในกระบวนการขนย้าย. นี่คือขั้นตอนที่ควรทำ:


ตรวจสอบตามรายการ:

เริ่มต้นโดยตรวจสอบสินค้าตามรายการที่คุณได้ทำไว้ก่อนการขนย้าย. ในกรณีที่มีรายการของ, ตรวจสอบว่าทุกรายการตรงกับรายการที่คุณมี.


ตรวจสอบสภาพของกล่องหรือบรรจุภัณฑ์:

ตรวจสอบว่ากล่องหรือบรรจุภัณฑ์มีสภาพไม่เสียหาย. ถ้ามีการบีบอัดหรือแตกร้าว, อาจมีโอกาสทำให้สินค้าภายในเสียหาย.


เปิดและตรวจสอบทีละชิ้น:

เปิดกล่องหรือบรรจุภัณฑ์และตรวจสอบทีละชิ้นของ. ตรวจสอบว่าสินค้ามีสภาพปกติ, ไม่มีคราบหรือรอยถลอก.


ถ่ายรูปสินค้า:

ถ่ายรูปสินค้าทุกชิ้นก่อนที่คุณจะเอาออกจากบรรจุภัณฑ์. รูปภาพเหล่านี้สามารถเป็นหลักฐานที่ดีในกรณีที่คุณต้องการทำประกันหรือเรียกร้องค่าเสียหาย.


ตรวจสอบรอยทานหรือคราบ:

ตรวจสอบสินค้าเพื่อหารอยทาน, คราบ, หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในการขนย้าย. รับรู้ถึงสถานะของสินค้าและแจ้งให้บริษัทรับจ้างทราบถ้ามีปัญหา.


ตรวจสอบสินค้าพิเศษ:

สำหรับสินค้าที่มีความพิเศษหรือแปลกปลอม, ตรวจสอบว่ามีความสมบูรณ์และไม่มีความเสียหาย.


ลงลายมือชื่อหรือรับรอง:

เมื่อคุณตรวจสอบสินค้าเสร็จ, ลงลายมือชื่อหรือรับรองในเอกสารที่ระบุสภาพของสินค้า. นี้เป็นการยืนยันว่าคุณได้รับสินค้าในสภาพที่ดี.


รายงานปัญหา:

หากคุณพบปัญหาหรือความเสียหาย, แจ้งให้บริษัทรับจ้างทราบทันทีและเก็บหลักฐานเพื่อให้มีหลักฐานในการเรียกร้อง.

การทำขั้นตอนนี้ช่วยให้คุณมั่นใจว่าสินค้าของคุณถูกนำมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสมบูรณ์ และทำให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ในกรณีที่มีความเสียหายหรือขาดหาย.

9
ย้ายหอพักกับ รถรับจ้าง ต้องทำอย่างไร ราคาเท่าไหร่?

ย้ายหอพัก เป็นเรื่องที่พบเจอกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น นักศึกษา คนทำงาน หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดขอนแก่น ทางเลือกที่ช่วยให้การขนย้ายง่ายและรวดเร็วขึ้น นั่นคือการใช้บริการรถรับจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้บริการกับขนส่ง ซึ่งในจังหวัดขอนแก่น ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากความสะดวก รวดเร็ว และราคาที่สมเหตุสมผล ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับขั้นตอนการใช้บริการ รวมถึงราคาและข้อดีของการเลือกใช้บริการรถรับจ้าง

ทำไมต้องเลือกใช้ บริการรถรับจ้าง

    ความสะดวกสบาย : ไม่ต้องกังวลเรื่องการหา รถขนของ หรือขนของด้วยตัวเอง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเสียหายหรือเจ็บตัว
    ประหยัดเวลา : ทีมงานมืออาชีพ รถรับจ้างขอนแก่น ช่วยจัดการทุกขั้นตอน ทำให้ประหยัดเวลาในการขนย้าย
    บริการครบวงจร : ตั้งแต่การขนของจากหอพักเดิมไปยังหอพักใหม่ รวมถึงบริการช่วยยกของและจัดเรียงของให้เรียบร้อย
    ราคายุติธรรม : คิดค่าบริการตามระยะทางและปริมาณของที่ขนย้าย ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
    ทีมงานมืออาชีพ : พนักงานมีประสบการณ์ด้านการขนย้าย ทำให้มั่นใจได้ว่าของจะถึงปลายทางอย่างปลอดภัย


ขั้นตอนการใช้บริการรถรับจ้าง


1. ติดต่อสอบถามและจองคิว

ก่อนย้ายหอ ควรติดต่อสอบถามรายละเอียดกับทางขนส่ง ล่วงหน้า โดยสามารถติดต่อผ่านโทรศัพท์ หรือช่องทางออนไลน์ เช่น LINE หรือ Facebook เพื่อแจ้งข้อมูลต่อไปนี้

    วันและเวลาที่ต้องการย้าย
    จุดรับของและจุดหมายปลายทาง
    ขนาดและจำนวนของที่ต้องการขนย้าย
    ประเภทของรถที่ต้องการใช้งาน (รถกระบะ, รถ 6 ล้อ, รถบรรทุกขนาดใหญ่)

การจองคิว รถรับจ้างขอนแก่น ล่วงหน้าช่วยให้มั่นใจได้ว่าในวันที่ขนย้ายจะมีรถพร้อมให้บริการ เพื่อที่จะช่วยให้สามารถวางแผนย้ายของได้ค่ะ


2. ประเมินราคาและตกลงค่าบริการ

หลังจากแจ้งรายละเอียด ทางบริษัทจะทำการประเมินราคา ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น

    ระยะทาง : จากต้นทางไปปลายทาง
    ปริมาณและขนาด : ยิ่งของเยอะหรือมีขนาดใหญ่ ราคาจะเพิ่มตาม
    ประเภทของรถที่ใช้ : เช่น รถกระบะ รถ 6 ล้อ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่
    บริการเสริม : เช่น บริการคนช่วยยกของ หรือบริการห่อของกันกระแทก

หลังจากประเมินราคาและตกลงรายละเอียดแล้ว ควรสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาภายหลัง


3. แพ็กของและเตรียมความพร้อม

เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่น ควรเตรียมของและแพ็กของล่วงหน้าดังนี้

    ใช้กล่องหรือถุงที่แข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหาย
    ห่อของที่แตกหักง่าย ด้วยกระดาษหรือพลาสติกกันกระแทก
    เขียนป้ายชื่อ บนกล่องเพื่อให้ง่ายต่อการจัดเรียง
    แยกของมีค่า เช่น เอกสารสำคัญ, เครื่องประดับ หรือของใช้ส่วนตัวไว้กับตัว
    ถอดอุปกรณ์ไฟฟ้า และจัดเรียงให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันความเสียหาย

4. วันขนย้าย

    ตรวจสอบจำนวนและประเภทของที่ต้องขนย้าย
    ช่วยขนของขึ้นรถอย่างปลอดภัยและเป็นระเบียบ
    ขับรถไปยังปลายทางโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด
    ช่วยขนของลงและจัดเรียงของตามที่ลูกค้าต้องการ


ราคาค่าบริการแพงหรือไม่?

    รถกระบะขนของ : เริ่มต้นที่ 800-1300 บาท สำหรับระยะทางใกล้ (ในเมืองขอนแก่น)
    รถ 6 ล้อ : เริ่มต้นที่ 2500-3,000 บาท ไว้สำหรับขนของจำนวนมากขึ้น
    บริการขนย้ายพิเศษ : เช่น ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
    บริการเสริม : เช่น บริการคนช่วยยกของ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 300-1000 บาท ต่อคน ขึ้นอยู่กับประเภทรถที่ใช้ขนย้าย

เพื่อความมั่นใจว่าจะได้ราคาที่สมเหตุสมผล ควรเปรียบเทียบราคาหรือสอบถามรายละเอียดค่าบริการเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจใช้บริการค่ะ
ข้อดีของการใช้บริการรถรับจ้าง

✅ สะดวกและรวดเร็ว - ช่วยลดความยุ่งยากในการย้ายของเอง

✅ มีทีมงานมืออาชีพ - ขนของอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงของเสียหาย

✅ ราคายุติธรรม - คิดตามระยะทางและปริมาณของ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง

✅ บริการทั่วขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียง - รองรับการขนย้ายทั้งในเมืองและต่างจังหวัด

✅ บริการประเมินราคาก่อนใช้บริการ - ให้ความมั่นใจในค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มการขนย้าย


เคล็ดลับในการย้ายหอพักให้สะดวก

จัดตารางเวลาย้ายให้ชัดเจน ควรแจ้งล่วงหน้ากับทางหอพักเพื่อเตรียมความพร้อม หลีกเลี่ยงเวลาขนย้ายที่มีอากาศร้อนเกินไป ในวันที่ฝนตก เพื่อความสะดวกในการขนของ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม แพ็กของให้พร้อม เช่น กล่อง เทปกาว เชือก จะได้รวดเร็วในการขนย้ายของค่ะ

หากคุณต้องการย้ายหอพักในขอนแก่น รถรับจ้างขอนแก่นเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยบริการที่สะดวก ราคาสมเหตุสมผล และทีมงานที่เชี่ยวชาญ เพียงแค่ติดต่อ แจ้งรายละเอียด และรอให้ทีมงานจัดการทุกอย่างให้คุณได้เลย

10
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ช่วยทำให้สุขภาพช่องปากดียิ่งขึ้น

การดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ถือวาเป้นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือวัยไหน เพราะสิ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอดก็คือฟันของเรา ที่ต้องใช้งานในการรับประทานอาหารทุกวัน ดังนั้น เราจึงควรดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเราให้ดี ควรทำความสะอาดอย่างทั่วถึง และที่สำคัญคือ ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจช่องปากเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง บางคนที่เข้ารับการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในรูปแบบใด

แน่นอนว่า คุณจะต้องดูแลรักษาความสะอาดมมากกว่าคนปกติ เพราะการที่เรามีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก อาจจะทำให้เราทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ และถ้าหากเกิดฟันผุในระหว่างการจัดฟัน แน่นอนว่าจะแก้ไขได้ยากกว่าปกติ เพราะต้องทำการถอดเครื่องมือการจัดฟันออก เพื่อรักษาฟันที่ผุ และถ้ารุนแรงถึงขั้นสูญเสียฟัน แน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆตามมาแน่นอน โดยเฉพาะฟันบริเวณข้างเคียง ที่อาจจะเกิดฟันล้มได้

ดังนั้น ผู้ที่เข้ารับการจัดฟัน จำเป็นที่จะต้องเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ อาจจะต้องใช้วิธีการบ้วนปากหลังจากการแปรงฟัน เพื่อทำความสะอาดในบริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง เพื่อลดปัญหาฟันผุ แบะปัญหาของกลิ่นปากด้วย ซึ่งถ้าหากเรามีกลิ่นปาก แน่นอนว่าจะทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจ เสียบุคลิกภาพ ทำให้คนรอบข้างมองเราไม่ดีด้วย แต่ถ้าหากอย่างเข้ารับการจัดฟัน โดยที่ไม่อุปสรรคในเรื่องของเครื่องมือ ทันตแพทย์ก็จะแนะนำให้เข้ารับการจัดฟันแบบใส เพราะตอบโจทย์มากกว่า และยังช่วยทำให้เรามีสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นด้วย

และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการจัดฟันแบบใส ที่ช่วยทำให้สุขภาพช่องปากดียิ่งขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสนั้น สามารช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น เพราะการจัดฟันแบบใส สามารถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ ก่อนการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ทำให้เราไม่มีอุปสรรคในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ทำให้สามารถแปรงฟันได้เหมือนคนปกติ ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความเสียหายต่อเครื่องมือการจัดฟัน และยังทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างทั่วถึง ทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ยังสามารถใช้ไหมขัดฟันร่วมกับการแปรงฟันได้

โดยไม่ต้องกังวลว่าไหมขัดฟันจะไปติดอยู่ที่เหล็กจัดฟันด้วย แถมในเรื่องของการทำความสะอาดเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ก็สามารถทำได้ง่าย เพียงแค่นำเครื่องมือไปแช่ในน้ำอุณหภูมิปกติ ถูด้วยผ้าสะอาด เพียงเท่านี้เครื่องใอการจัดฟันแบบใสของคุณก็จะมีความสะอาดพร้อมใช้งานได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบใส ก็ยังมีข้อจำกัดนั่นก็คือ ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องมีระเบียบวินัย ในการสวมใส่เครื่องมืออย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง

เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้ เพราะถ้าหากผู้เข้ารับการจัดฟันไม่สวมใส่เครื่องมือตามที่ทันตแพทย์กำหนด ก็อาจจะทำให้ผลการรักษาคลาดเคลื่อนได้ ทำให้เครื่องมือการจัดฟันทำงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น เรื่องของการปฏิบัติตัวในระหว่างการจัดฟัน ก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะส่งผลกระทบต่อผลการรักษาได้ ถ้าหากปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ แน่นอนว่า จะทำให้คุณมีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงาม ในระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และได้รับการรับรองสูงสุดจากทาง Invisalign จึงทำให้ผู้เข้ารับบริการมีความมั่นใจ และปลอดภัย เมื่อได้เข้ารับการจัดฟันแบบใสกับทางคลีนิกรับรองได้ว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่เรียงตัวสวยงามอย่างแน่นอน

11
ผ้ากันไฟแบบไหน ไม่ควรใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้สูง การเลือกใช้ผ้ากันไฟที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ผ้ากันไฟบางประเภทอาจไม่เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการป้องกันไฟ ต่อไปนี้คือประเภทของผ้ากันไฟที่ไม่ควรใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่:

ผ้ากันไฟที่ทำจากวัสดุคุณภาพต่ำ:
ผ้ากันไฟที่ทำจากวัสดุคุณภาพต่ำ เช่น ผ้าใยแก้วราคาถูก อาจไม่สามารถทนทานต่อความร้อนและเปลวไฟได้ดีพอ
ผ้าเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพเร็วเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง หรือสะเก็ดไฟจากงานเชื่อมโลหะ
ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง ควรเลือกใช้ผ้ากันไฟที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น ผ้าซิลิก้า หรือผ้าอะรามิด

ผ้ากันไฟที่มีขนาดเล็กเกินไป:
ผ้ากันไฟที่มีขนาดเล็กเกินไป อาจไม่สามารถคลุมดับไฟ หรือป้องกันสะเก็ดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ควรเลือกใช้ผ้ากันไฟที่มีขนาดใหญ่พอที่จะคลุมพื้นที่เสี่ยงได้อย่างทั่วถึง

ผ้ากันไฟที่ไม่มีมาตรฐานรับรอง:
ผ้ากันไฟที่ไม่มีมาตรฐานรับรอง อาจไม่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันไฟตามที่กล่าวอ้าง
ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ควรเลือกใช้ผ้ากันไฟที่มีมาตรฐานรับรอง เช่น มาตรฐาน NFPA หรือมาตรฐาน EN เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย

ผ้ากันไฟที่เสื่อมสภาพ:
ผ้ากันไฟที่มีรอยฉีกขาด รอยไหม้ หรือรอยเปื่อย จะไม่สามารถป้องกันไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต้องมีการตรวจสอบและเปลี่ยนผ้ากันไฟอย่างสม่ำเสมอ

เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงผ้ากันไฟที่ไม่เหมาะสม:

ความปลอดภัย:
ผ้ากันไฟที่ไม่เหมาะสมอาจไม่สามารถป้องกันไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ประสิทธิภาพ:
ผ้ากันไฟที่อยู่ในสภาพดีและมีคุณภาพสูง จะสามารถป้องกันไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความคุ้มค่า:
การใช้ผ้ากันไฟที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากไฟไหม้ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเปลี่ยนผ้ากันไฟ

ดังนั้น การเลือกผ้ากันไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการป้องกันไฟ

12
บริหารจัดการอาคาร: อากาศร้อนทำให้แอร์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติจริงหรือ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ประเทศไทยของเรานั้น เป็นประเทศที่มีอากาศร้อนอบอ้าวมากซึ่งคนไทยส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อนอย่างแน่นอนทำให้หลายบ้านจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพื่อคลายร้อนแต่ก็ต้องแลกกับการที่เราจะต้องมานั่งเสียค่าไฟ เสียค่าใช้งานจากการที่เราใช้แอร์

ซึ่งแอร์ ถือว่าเป้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟเปลืองมากที่สุด และยิ่งต้องมาสู้กับสภาพอากาศบ้านเราแล้วด้วยต้องบอกเลยว่า ต้องจ่ายค่าไฟมหาศาลเลยในแต่ละเดือน แต่ก็ยังมีเทคนิคหลายอย่างในการใช้งานแอร์ที่จะทำให้เราสามารถประหยัดไฟไปได้เยอะ นั่นก็คือ การล้างทำความะสอาดแอร์รวมไปถึงปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น การติดตั้งแอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือการเลือกซื้อแอร์ที่มีค่า BTU เหมาะสมกับขนาดห้องปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการทำงานของแอร์ทั้งสิ้น

ดังกล่าวหากคิดที่จะติดตั้งแอร์หรือเครื่องปรับอากาศแล้วก็ต้องปรึกษาช่างหรือศึกษารายละเอียดให้ดีดีกว่าต้องมาแก้ไขปัญหาทีหลัง ซึ่งจะยิ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มไปอีก

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นปัจจัยที่เราสามารถเลือกและควบคุมได้ในการที่เราจะทำให้แอร์ของเราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยบำรุงรักษาให้เราใช้แอร์ไปได้ยาวๆ โดยไม่เสื่อสภาพก่อนถึงเวลาอันควรแต่ก็ยังมีอีกหลายๆปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้นั่นก็คือ สภาพอากาศที่ร้อนมากๆนั่นเอง

หลายคนก็เกิดความสงสัยว่าจริงๆแล้ว อากาศที่ร้อนมากๆ จะทำให้แอร์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติหรือไม่วันนี้เราจะมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวเพื่อให้ความรู้กับพ่อบ้านแม่บ้านกัน
เพื่อเป็นแนวทางในการใช้งานแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

โดยปกติแล้ว สภาพอากาศมีส่วนต่อการทำงานของแอร์ แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้แอร์เกิดการเสื่อมสภาพเร็วหรือเกิดการเสียหายได้ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ และสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เครื่องปรับอากาศนั้นมีอายุการทำงานได้สั้นลงทั้งนี้อากาศร้อนของเมืองไทยนั้นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เครื่องปรับอากาศนั้นเสื่อมสภาพลงเช่น คอมเพรสเซอร์แอร์นั้นติดตั้งในฝั่งที่มีแสงแดดส่องถึงอยู่ตลอดเวลาไม่มีร่มบังแดดบังฝนอาจจะทำให้เครื่องปรับอากาศร้อนขึ้นได้ง่าย ซึ่งควรที่จะทำพื้นที่ในการบังแดดเพื่อที่จะยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศและมีอากาศเย็นๆ ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่เปิด


หากต้องการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น ก็ควรติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ห่างจากผนังบ้านประมาณ 10 cmและบริเวณหน้าคอมเพรสเซอร์ไม่ควรมีสิ่งใดมาบดบัง ประมาณ 60 – 80 cm จัดวางในตำแหน่งไม่โดนฝนสาดง่ายไม่โดนแสงแดดโดยตรงตลอดทั้งวัน กรณีวางบนพื้นระเบียง ควรให้สูงกว่าพื้นประมาณ 10 cm เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังดังนั้น อาจจะต้องรักษาสภาพของคอมเพรสเซอร์ให้ดีสมบูรณ์อยู่เสมอก็จะทำให้ความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำงานได้เต็มที่หรือ ผลกระทบที่ส่งผลมากที่สุดคือความร้อนแรงของแสงแดด หากห้องที่ติดแอร์มีผนังที่ค่อนข้างบางก็สามารถทำให้ความร้อนจากแสงแดดเข้ามาสู่ภายในได้ หากผนังบ้านมีความบางควรที่จะหาวัสดุกันความร้อนหรือทาสีกันความร้อนเพื่อบรรเทาความร้อนของบ้านได้ส่วนหนึ่งและทำให้เครื่องปรับอากาศของคุณทำงานได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ความร้อนถึงแม้ว่าจะมีส่วนที่ทำให้แอร์เสื่อมสภาพเร็วแต่ถ้าหากเราเลือกแอร์ที่มี BTU ที่เหมาะสมกับห้อง ก็อาจจะสามารถช่วยได้

ทั้งนี้เราอยากให้ทุกคนได้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่เหมาะสมหรือก่อนติดตั้งควรดูจากหลายปัจจัยที่จะทำให้แอร์ของเรามีอายุการใช้งานที่นานขึ้นถ้ามีข้อสงสัยหรืออยากปรึกษาเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ไม่ว่าจะเป็นในอาคาร สำนักงาน หรือในบ้านก็สามารถปรึกษาเราได้ ทางเรามีบริการดูแลระบบเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร ที่มีคนจำนวนมากเพื่อที่จะได้สามารถใช้งานเครื่องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราถือว่าระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะใช้ชีวิตในภายในอาคารนั่นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์และสะอาดเข้าไปก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สดชื่น สบายมากยิ่งขึ้น


13
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ภาวะไตวาย (Renal failure)

ภาวะไตวาย (ไตล้ม ไตไม่ทำงาน ก็เรียก) หมายถึงภาวะที่เนื้อไตทั้ง 2 ข้างถูกทำลายจนทำงานไม่ได้ หรือได้น้อยกว่าปกติ ทำให้น้ำและของเสียไม่ถูกขับออกมา จึงเกิดการคั่งจนเป็นพิษต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดผลกระทบต่อดุลของอิเล็กโทรไลต์ และความเป็นกรดด่างในเลือด รวมทั้งเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนบางชนิดที่ไตสร้าง การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้นำไปสู่อาการผิดปกติของอวัยวะแทบทุกส่วนของร่างกาย

ภาวะไตวายสามารถแบ่งเป็น ไตวายเฉียบพลัน (มีอาการเกิดขึ้นฉับพลัน และเป็นอยู่นานเป็นวันและเป็นสัปดาห์) กับ ไตวายเรื้อรัง (ค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อยนานเป็นแรมเดือนแรมปี)

โรคนี้จัดเป็นภาวะที่มีอันตรายร้ายแรง พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตวายเรื้อรัง จะพบได้บ่อยขึ้นในคนที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากจะมีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ (เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคติดเชื้อ เป็นต้น) ที่มีภาวะแทรกซ้อนต่อไต หรือมีการใช้ยาที่มีพิษต่อไตมากขึ้น

 สาเหตุ

ไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure) อาจมีสาเหตุมาจากโรคไตโดยตรงหรือภาวะผิดปกติที่อยู่นอกไต ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตก็ได้ เช่น

    ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง เช่น การตกเลือด การสูญเสียน้ำ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เป็นต้น
    โรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ภาวะหัวใจวาย ความดันโลหิตสูงรุนแรง
    การติดเชื้อรุนแรง เช่น มาลาเรีย เล็ปโตสไปโรซิส ภาวะโลหิตเป็นพิษ
    โรคไต เช่น หน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
    ความผิดปกติของหลอดเลือดในไต เช่น หลอดเลือดแดงไตตีบ (renal artery stenosis) ภาวะมีสิ่งหลุดอุดตันในหลอดเลือดแดงไต (renal embolism)
    การอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ท่อไตถูกผูกโดยความเผอเรอจากการผ่าตัดในช่องท้อง ต่อมลูกหมากโต ท่อปัสสาวะตีบ เนื้องอกกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
    งูพิษกัด เช่น งูแมวเซาหรืองูทะเลกัด
    ต่อต่อย ผึ้งต่อย
    ผลข้างเคียงจากยาหรือสารเคมี เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาต้านเอซ ซัลฟา คาน่าไมซิน เจนตาไมซิน อะมิคาซิน ไซโคลสปอรีน แอมโฟเทอริซินบี สารไอโอดีนที่ใช้ฉีดในการตรวจเอกซเรย์พิเศษ เป็นต้น
    ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ รกลอกตัวก่อนกำหนด
    อื่น ๆ เช่น ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ตับวาย

ไตวายเรื้อรัง (chronic renal failure) ส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ขาดการรักษาอย่างจริงจัง

อาจเกิดจากโรคไตเรื้อรัง เช่น หน่วยไตอักเสบ กรวยไตอักเสบเรื้อรัง โรคไตเนโฟรติก นิ่วไต โรคถุงน้ำไตชนิดหลายถุง*

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากโรคเกาต์ เอสแอลอี ภาวะยูริกในเลือดสูง ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง โรคเอดส์ พิษจากยา (เช่น ยาแก้ปวด ลดไข้-เฟนาซิติน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ลิเทียมไซโคลสปอรีน ยาต้านมะเร็ง เป็นต้น) พิษจากสารตะกั่วหรือแคดเมียม เป็นต้น

*ถุงน้ำไตชนิดหลายถุง (polycystic kidney) มีลักษณะเป็นถุงน้ำ (cyst) จำนวนมากซึ่งพบที่ไตทั้ง 2 ข้าง เป็นความผิดปกติที่เป็นมาแต่กำเนิดซึ่งถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ถุงน้ำจะค่อย ๆ โตขึ้นเบียดเนื้อไตที่ปกติจนไตทำหน้าที่ผิดปกติ ซึ่งมักปรากฏอาการแสดงของโรคเมื่ออายุมากขึ้น ผู้ป่วยมักมีภาวะความดันโลหิตสูง มีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ (รวมทั้งภายในถุงน้ำ) บ่อย และเกิดภาวะไตวายเรื้อรังในที่สุด

อาการ

ไตวายเฉียบพลัน อาการเด่นชัด คือ มีปัสสาวะออกน้อยกว่า 400 มล. ใน 24 ชั่วโมง หรือไม่มีปัสสาวะออกเลย (ไม่มีอาการปวดปัสสาวะ และสวนปัสสาวะก็ไม่มีปัสสาวะออกมากกว่านี้) ต่อมาไม่นานผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา ในที่สุดผู้ป่วยจะมีอาการซึม สับสน ชัก และหมดสติ

ผู้ป่วยอาจมีประวัติการใช้ยาหรือมีอาการเจ็บป่วยนำมาก่อน เช่น ไข้ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ งูกัด ต่อต่อย ตกเลือด ภาวะช็อกจากสาเหตุต่าง ๆ เป็นต้น

ไตวายเรื้อรัง อาการขึ้นกับความรุนแรงของโรค โดยในระยะแรกอาจไม่มีอาการให้สังเกตได้ชัดเจน และมักจะตรวจพบจากการตรวจเลือด (พบว่ามีระดับครีอะตินีนและบียูเอ็นสูง) ในขณะตรวจเช็กสุขภาพ หรือมาพบแพทย์ด้วยโรคอื่น

ผู้ป่วยจะมีอาการชัดเจนเมื่อเนื้อไตทั้ง 2 ข้างถูกทำลายจนทำหน้าที่ได้น้อยกว่าร้อยละ 5 ของไตปกติ โดยจะสังเกตว่ามีปัสสาวะออกมาก และปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดินบ่อย นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ขาดสมาธิ ตามัว ผิวหนังแห้งและมีสีคล้ำ คันตามผิวหนัง ชาตามปลายมือปลายเท้า

บางรายอาจมีอาการหอบเหนื่อย สะอึก เป็นตะคริว ใจหวิว ใจสั่น เจ็บหน้าอก บวม หรือมีเลือดออกตามผิวหนังเป็นจุดแดงจ้ำเขียว หรืออาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด

เมื่อเป็นถึงขั้นสุดท้าย ผู้ป่วยจะมีอาการซึม ชัก หมดสติ

ภาวะแทรกซ้อน

ไตวายเฉียบพลัน เนื่องจากไตขับน้ำไม่ได้ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในกระแสเลือด (hypervolemia) เป็นผลทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจวายตามมา

นอกจากนี้ยังเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง (เนื่องจากไตขับสารนี้ได้น้อยลง) อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้ ภาวะเลือดเป็นกรด (เนื่องจากขับกรดที่ได้จากการเผาผลาญโปรตีนได้น้อยลง) ทำให้มีอาการหายใจหอบลึก ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (เช่น ซึม ชัก) เนื่องจากภาวะยูรีเมีย (uremia) ภาวะเลือดออกง่าย เนื่องจากเกล็ดเลือดไม่จับตัว ทำให้มีเลือดออกง่าย อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (pericarditis) เกิดจากการคั่งของสารบียูเอ็น (บียูเอ็นมากกว่า 100 มก./ดล.) จะมีอาการไข้สูง เจ็บหน้าอก ภาวะติดเชื้อง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษตามมา

ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้นล้วนมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่มีความรุนแรงไม่มาก ได้แก่ ภาวะซีดเนื่องจากไตสร้างสาร อีริโทรพอยเอทิน (erythropoietin) ไม่ได้ สารนี้มีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เมื่อขาดก็ทำให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่ดี ภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ทำให้เกิดอาการมือจีบเกร็ง เป็นตะคริว ภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง ภาวะยูริกในเลือดสูง

ไตวายเรื้อรัง นอกจากจะพบภาวะแทรกซ้อนแบบเดียวกับไตวายเฉียบพลันแล้ว ยังอาจพบปอดอักเสบ เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปลายประสาทอักเสบ (ชาปลายมือปลายเท้า) โรคกระเพาะ ภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกิน (hyperparathyroidism) ภาวะกระดูกอ่อน (osteomalacia) ต่อมอัณฑะทำงานน้อย ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย (องคชาตไม่แข็งตัว) ประจำเดือนผิดปกติ หรือประจำเดือนขาด

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

ไตวายเฉียบพลัน อาจตรวจไม่พบอะไร นอกจากอาการของโรคที่เป็นสาเหตุ (เช่น ความดันต่ำและชีพจรเร็วในผู้ป่วยที่มีภาวะช็อก อาการดีซ่านในผู้ป่วยโรคตับ ไข้ในผู้ป่วยมาลาเรียหรือโรคติดเชื้อ เป็นต้น)

บางรายอาจพบอาการซีด หายใจหอบลึก ความดันโลหิตสูง มือจีบเกร็งหรือเป็นตะคริว หรือใช้เครื่องฟังตรวจปอดได้ยินเสียกรอบแกรบ (crepitation)

ในระยะท้าย อาจพบอาการซึม ชัก หมดสติ

ไตวายเรื้อรัง จะมีสิ่งตรวจพบเมื่อเป็นโรคในระยะรุนแรงมากแล้ว ได้แก่ อาการซีด ความดันโลหิตสูง ผิวหนังแห้งและมีสีคล้ำ จุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง

บางรายอาจพบอาการเท้าบวม (กดบุ๋ม) ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ หรือใช้เครื่องฟังตรวจปอดได้ยินเสียงกรอบแกรบ (crepitation)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด (พบระดับบียูเอ็นและครีอะตินีนสูงกว่าปกติ ยิ่งสูงมากก็แสดงว่าโรคยิ่งรุนแรง ระดับโพแทสเซียมฟอสเฟตและแมกนีเซียมสูง ระดับแคลเซียมต่ำ เลือดมีภาวะเป็นกรด ระดับฮีโมโกลบินต่ำ) ตรวจปัสสาวะ (พบสารไข่ขาว น้ำตาล เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว) เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ และตรวจพิเศษอื่น ๆ บางรายอาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy) โดยการเจาะเอาเนื้อเยื่อไตไปตรวจ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ไตวายเฉียบพลัน แพทย์จะรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุ และแก้ไขภาวะผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น จำกัดปริมาณของน้ำ โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และโปรตีน ฉีดยาขับปัสสาวะ-ฟูโรซีไมด์ ให้โซเดียมไบคาร์บอเนต แก้ภาวะเลือดเป็นกรด ให้เลือดในรายที่ตกเลือด เป็นต้น

ถ้าจำเป็นอาจต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis)

ผลการรักษาขึ้นกับสาเหตุที่พบ ถ้าเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง โรคติดเชื้อ พิษจากยาบางชนิด ก็อาจมีทางรักษาให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะไตวายเฉียบพลันมักเกิดขึ้นรวดเร็ว และมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง จึงมีโอกาสเป็นอันตรายถึงตายได้ค่อนข้างสูง

2. ไตวายเรื้อรัง ถ้ามีสาเหตุชัดเจนก็ให้รักษาโรคที่เป็นสาเหตุ (เช่น ให้ยาควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเกาต์ ผ่าตัดนิ่วในไต เป็นต้น)

นอกจากนี้ ยังต้องรักษาภาวะผิดปกติต่าง ๆ ที่เป็นผลมาจากไตวาย เช่น

    จำกัดปริมาณโปรตีนที่กินไม่เกินวันละ 40 กรัม (ไข่ไก่ 1 ฟอง มีโปรตีน 6-8 กรัม นมสด 1 ถ้วย มีโปรตีน 8 กรัม เนื้อสัตว์ 1 ขีด มีโปรตีน 23 กรัม)
    จำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม โดยคำนวณจากปริมาณปัสสาวะต่อวันบวกกับน้ำที่เสียไปทางอื่น (ประมาณ 800 มล./วัน) เช่น ถ้าผู้ป่วยมีปัสสาวะ 600 มล./วัน น้ำที่ควรได้รับเท่ากับ 600 มล.+800 มล. (รวมเป็น 1,400 มล./วัน) เป็นต้น
    จำกัดปริมาณโซเดียมที่กิน ถ้ามีอาการบวมหรือมีปัสสาวะน้อยกว่า 800 มล./วัน ควรงดอาหารเค็ม งดใช้เครื่องปรุง (เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสทุกชนิด) ผงชูรส สารกันบูด อาหารที่ใส่ผงฟู อาหารกระป๋อง น้ำพริก กะปิ ปลาร้า ของดอง หนำเลี้ยบ
    จำกัดปริมาณโพแทสเซียมที่กิน ถ้ามีปัสสาวะน้อยกว่า 800 มล./วัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือโพแทสเซียมสูง เช่น ผลไม้แห้ง ส้ม มะละกอ มะขาม มะเขือเทศ น้ำมะพร้าว ถั่ว สะตอ มันทอด หอย เครื่องในสัตว์ เป็นต้น

หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้โพแทสเซียมในเลือดสูง เช่น อะมิโลไรด์ (amiloride) ไตรแอมเทอรีน (triamterene) สไปโรโนแล็กโทน (spironolactone) ยาต้านเอซ ยาที่เข้าสารโพแทสเซียม เป็นต้น

    จำกัดปริมาณแมกนีเซียมที่กิน ด้วยการงดยาลดกรดที่มีเกลือแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์
    ถ้ามีระดับฟอสเฟตในเลือดสูง หรือภาวะเลือดเป็นกรด ให้กินยาเม็ดแคลเซียมคาร์บอเนต (650 มก.) ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง
    ถ้าบวม ให้ยาขับปัสสาวะ-ฟูโรซีไมด์
    ถ้ามีความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย ก็ให้ยารักษาภาวะเหล่านี้
    ถ้าซีด อาจต้องให้เลือด บางรายแพทย์อาจสั่งให้ฉีดฮอร์โมนอีริโทรพอยเอทิน (erythropoietin) เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (ยานี้มีราคาแพง และอาจทำให้ความดันโลหิตสูง)

สำหรับผู้ป่วยที่ไตวายเรื้อรังระยะท้าย (มักมีระดับครีอะตินีนและบียูเอ็นในเลือดสูงเกิน 10 และ 100 มก./ดล. ตามลำดับ) การรักษาทางยาจะไม่ได้ผล จำเป็นต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis) ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ได้แก่

    การล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง (continuous ambulatory peritoneal dialysis/CAPD) วิธีนี้แพทย์สามารถฝึกให้ผู้ป่วยทำเองที่บ้านได้ นับว่าสะดวก แต่ต้องทำการเปลี่ยนถุงน้ำยาวันละ 4 ครั้ง ทุก ๆ วันตลอดไป และแพทย์จะนัดมาเปลี่ยนสายน้ำยาที่ใช้ฟอกล้างของเสียทุก 1 เดือน ผู้ป่วยสามารถทำงานและปฏิบัติภารกิจได้เหมือนคนปกติ
    การล้างไตโดยการฟอกเลือด (hemodialysis) นิยมเรียกว่า การล้างไตด้วยเครื่องไตเทียม หรือการทำไตเทียม ผู้ป่วยต้องไปทำที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

การทำการล้างไตทั้ง 2 วิธี จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี (สามารถทำงาน ออกกำลังกาย และมีเพศสัมพันธ์ได้เช่นคนปกติ) มีชีวิตยืนยาวขึ้น บางรายอาจอยู่ได้นานเกิน 10 ปีขึ้นไป แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง

ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะท้ายบางราย แพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตหรือเปลี่ยนไต (renal transplantation) ซึ่งนับว่าเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน สามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนคนปกติ และมีอายุยืนยาว (อายุการทำงานของไตใหม่ ร้อยละ 18-55 อยู่ได้นาน 10 ปี) แต่การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีรักษาที่ยุ่งยาก ราคาแพง และจะต้องหาไตจากญาติสายตรงหรือผู้บริจาคที่มีไตเข้าได้กับเนื้อเยื่อของผู้ป่วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ป่วยอาจต้องทำการล้างไตไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหาไตที่เข้ากันได้ นอกจากนั้นภายหลังการปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น สเตียรอยด์ ไซโคลสปอริน อะซาไทโอพรีน) ทุกวันตลอดไป เพื่อป้องกันมิให้ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านไตใหม่

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ซีด เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ตามปลายมือปลายเท้าเป็นตะคริว เท้าบวม หรือมีเลือดออกตามผิวหนังเป็นจุดแดงจ้ำเขียว เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เกาต์ โรคไต) หรือมีประวัติใช้ยาแก้ปวด หรือแก้ข้ออักเสบมานาน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไตวาย ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ไม่ควรปรับขนาดยาเอง หรือซื้อยากินเอง เพราะยาบางชนิดอาจมีพิษต่อไต หรืออาจต้องปรับลดขนาดยาลงจากที่ใช้ในคนปกติ รวมทั้งไม่ควรกินยาหม้อหรือยาต้มที่ประกอบด้วยสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เพราะอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง การใช้ยาเองอย่างผิด ๆ อาจทำให้เกิดอันตราย

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจหอบ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เท้าบวม เป็นตะคริว ซึม ชัก มีเลือดออก หรือมีอาการไม่สบาย (เช่น ไข้ ปวดท้อง ท้องเดิน  เป็นต้น)
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. ตรวจเช็กดูว่าเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคเกาต์หรือไม่ ถ้าเป็นต้องรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องจนสามารถควบคุมระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและยูริกในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

2. เมื่อเป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ) หรือมีภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ (เช่น นิ่ว ต่อมลูกหมากโต) จะต้องทำการรักษาให้หายขาด

3. เมื่อป่วยเป็นโรคติดเชื้อ งูกัด หรือท้องเดิน ต้องรีบรักษา อย่าปล่อยจนเกิดภาวะช็อก ซึ่งมีผลทำให้ไตวายตามมาได้

4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจมีพิษต่อไต และระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีเลือดไปเลี้ยงไตไม่ดี (เช่น ตับแข็ง หัวใจวาย หลอดเลือดแดงไตตีบ ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง)

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ควรติดต่อกับแพทย์อย่าได้ขาด ควรกินยาและปฏิบัติตัว รวมทั้งการควบคุมอาหารตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีอายุยืนยาวต่อไปอีกนาน

2. ไตวายเป็นภาวะที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่อร่างกาย ถ้าเป็นเรื้อรังมักจะมีความยุ่งยากและสิ้นเปลืองในการรักษา ดังนั้น จึงควรหาทางป้องกันมิให้เป็นโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ควรรักษาตัวอย่างจริงจังจนสามารถควบคุมโรคได้ จะได้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นไตวายแทรกซ้อน

3. การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีรักษาภาวะไตวายเรื้อรังระยะท้ายที่ดีที่สุดในปัจจุบัน จึงควรรณรงค์ให้ผู้คนทั่วไปหันมาบริจาคไตกันให้มากขึ้น จะได้มีไตบริจาคช่วยเหลือให้ผู้ป่วยพ้นจากความทุกข์ทรมาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นคนปกติ

คุณสมบัติของผู้ป่วยที่จะรับการปลูกถ่ายไต

    อายุไม่เกิน 55 ปี ถ้าอายุมากการผ่าตัดมักจะไม่ค่อยได้ผลเนื่องจากหลอดเลือดแข็ง
    ไม่มีโรคที่สำคัญ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคมะเร็ง เป็นต้น
    ไม่เป็นโรคติดเชื้อ เนื่องจากหลังปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน อาจทำให้โรคติดเชื้อลุกลามรุนแรงได้
    มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง เพราะหลังผ่าตัดอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง จึงต้องพร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้
    มีความมุ่งมั่นในการรักษาสุขภาพให้ดี และสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินยาอย่างเคร่งครัด

14
ประกาศฟรีออนไลน์ / โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)
« เมื่อ: วันที่ 6 สิงหาคม 2025, 13:49:33 น. »
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)

ริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไปในบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ (ไส้ตรง) และทวารหนักเกิดการบวม และโป่งพอง เป็นก้อน เรียกว่า "หัวริดสีดวง" แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว



ริดสีดวงทวารมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่

1. ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) เกิดขึ้นตรงปากทวารหนัก จากที่หลอดเลือดใต้ผิวหนังเกิดการโป่งพอง ซึ่งมองเห็นจากภายนอกและสามารถคลำได้

2. ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) เกิดตรงบริเวณที่อยู่ลึกขึ้นไปในทวารหนัก จากที่หลอดเลือดบริเวณนั้นเกิดการโป่งพอง ซึ่งมักมองไม่เห็นจากภายนอกและคลำไม่ได้ จะตรวจพบเมื่อใช้กล้องส่องตรวจ หรือพบในระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก

ริดสีดวงภายในแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 หัวริดสีดวงหลบอยู่ภายใน ไม่ยื่นออกมานอกทวารหนัก อาจมีเพียงอาการเลือดออกสด ๆ ขณะถ่ายอุจจาระ
    ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ
    ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เองหลังถ่ายอุจจาระ ต้องใช้มือดันกลับเข้าไป
    ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงยื่นย้อยออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ และอาจรู้สึกปวด

ริดสีดวงทวาร อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ และอาจเป็นริดสีดวงทวารภายนอกร่วมกับริดสีดวงทวารภายในก็ได้

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทั่วไป พบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด และเมื่อยิ่งมีอายุมากขึ้นจะยิ่งพบได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบได้บ่อยในคนอายุมากกว่า 50 ปี เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเริ่มอ่อนแอและมีการยืดตัว

โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง

สาเหตุ

โรคนี้เกิดจากเครือข่ายของหลอดเลือดเฮมอร์รอยด์ (hemorrhoidal plexus) ที่บริเวณผนังของไส้ตรง (rectum) ส่วนล่าง และทวารหนัก (anus) เกิดการบวมหรือโป่งพอง เนื่องจากมีภาวะความดันสูงในหลอดเลือดดำ (ของเครือข่ายหลอดเลือดดังกล่าว) จากเหตุปัจจัยต่าง ๆ อาทิ

การเบ่งถ่ายอุจจาระหรือนั่งถ่ายอุจจาระนาน ๆ 
    อาการท้องผูก หรือท้องเดินเรื้อรัง
    การนั่งนาน ๆ หรือยกของหนัก
    การกินอาหารที่มีกากใยน้อย
    การขาดการออกกำลังกาย
    การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
    น้ำหนักมาก หรือภาวะอ้วน
    ภาวะตั้งครรภ์
    ไอเรื้อรัง

นอกจากนี้ ยังอาจพบร่วมกับโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง (ทำให้มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำตับสูง ซึ่งส่งผลกระทบมาที่หลอดเลือดดำที่ทวารหนัก) โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease) ก้อนเนื้องอกในท้อง (เช่น เนื้องอกมดลูก เนื้องอกหรือถุงน้ำรังไข่) ท้องมาน (ภาวะท้องบวมน้ำ) มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น

บางคนอาจมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้

บางคนอาจเกิดโรคนี้โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนก็ได้

อาการ

ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือเคลือบที่ผิวอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยดลงโถส้วม เลือดที่ออกจะไม่ปะปนกับอุจจาระและไม่มีมูกร่วมด้วย แต่ละครั้งเลือดออกไม่มากและหยุดได้เอง โดยไม่มีอาการเจ็บปวด เมื่อถ่ายครั้งใหม่ก็จะมีเลือดออกได้อีก ส่วนใหญ่มักมีอาการถ่ายเป็นเลือดอยู่ 2-3 วัน แล้วหายไปเอง

สำหรับริดสีดวงทวารภายนอก อาจมีอาการระคายเคืองหรือคันรอบ ๆ ปากทวารหนัก หรืออาจคลำพบติ่งเนื้อนิ่ม ๆ ที่ขอบทวารหนัก ในรายที่มีลิ่มเลือดอุดตันแทรกซ้อนจะมีอาการปวดรุนแรง และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก

สำหรับริดสีดวงทวารภายใน ในระยะแรกมักตรวจไม่พบหัวริดสีดวง ต่อเมื่อเป็นระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก จะพบว่ามีก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ยื่นออกมานอกขอบทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ ซึ่งมักเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือใช้มือดันกลับเข้าไปได้ แต่ถ้ายื่นออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถเลื่อนกลับเข้าไปได้ อาจทำให้รู้สึกปวด

ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการอ่อนเพลียและซีดได้

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย แต่มักไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่ปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง อาจมีการเสียเลือดเรื้อรัง เกิดภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็กได้

นอกจากนี้ ในรายที่เป็นริดสีดวงภายในระยะรุนแรง หัวริดสีดวงอาจยื่นออกมาย้อยที่ปากทวารหนัก ถูกกล้ามเนื้อหูรูดบีบรัด ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยง เรียกว่า "ริดสีดวงชนิดถูกบีบรัด (strangulated hemorrhoid)" มีอาการเกิดก้อนเจ็บที่ขอบทวารหนัก ซึ่งก้อนจะโตขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมงแรก และรู้สึกเจ็บมากในระยะ 5-7 วันแรก มักมีน้ำเมือกและเลือดซึม และถ่ายลำบาก อาการจะค่อยทุเลา หายเป็นปกติประมาณ 2 สัปดาห์ไปแล้ว ผู้ป่วยอาจมีประวัติว่าเคยเป็นริดสีดวงมาก่อนหรือไม่ก็ได้

ส่วนโรคริดสีดวงภายนอก อาจเกิดลิ่มเลือดขึ้นในหัวริดสีดวง เรียกว่า "ริดสีดวงทวารชนิดมีลิ่มเลือดอุดตัน (thrombosed hemorrhoid)" ทำให้ริดสีดวงเกิดการอักเสบ บวม มีอาการปวดรุนแรงขณะนั่ง เดิน และถ่ายอุจจาระ และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมากใน 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นลิ่มเลือดจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมไป อาการจะค่อย ๆ ทุเลา และอาจหายเป็นปกติได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ หลังหายแล้วอาจพบเนื้อเยื่อบริเวณนั้นกลายเป็นติ่งหนัง (skin tag)

ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนต้องรีบไปให้แพทย์รักษา


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจทวารหนัก

ในรายที่มีอาการเล็กน้อย อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารภายใน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในลำไส้ใหญ่

บางรายอาจตรวจพบก้อนหรือติ่งหนัง (skin tag) ที่ขอบทวารหนัก หรือก้อนเนื้อนิ่มที่ยื่นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนัก

หากยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีอาการเรื้อรัง) หรือสงสัยมีความผิดปกติอื่นในลำไส้ใหญ่หรือช่องท้อง หรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (anoscopy/proctoscopy/sigmoidoscopy/colonoscopy) ตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรืออัลตราซาวนด์ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่มีอาการเล็กน้อย คือมีเลือดออกเล็กน้อยขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ ไม่มีอาการเจ็บปวด แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการ เวลาถ่ายอุจจาระพยายามไม่เบ่งแรง และไม่นั่งถ่ายนาน ๆ อย่านั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก

ถ้าจำเป็นอาจให้การรักษาอาการท้องผูกหรือท้องเดินที่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการกำเริบ

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูก แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวเพื่อให้อุจจาระนุ่มและถ่ายง่าย (ดูหัวข้อ "การดูแลตนเอง" ด้านล่าง)

2. ถ้ามีอาการปวดริดสีดวงทวารเนื่องจากมีการอักเสบ แนะนำให้ผู้ป่วยนั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ (ขนาดร้อนพอทน หรือประมาณ 40 องศาเซลเซียส) วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้ง

ถ้าปวดมากให้ยาแก้ปวด-พาราเซตามอล หรือยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก) ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดที่เข้าสารฝิ่นหรืออนุพันธ์ของฝิ่น เพราะอาจทำให้ท้องผูก นอกจากนี้อาจใช้ยาชาชนิดเจล (ที่มีตัวยา lidocaine) ทาระงับปวด

นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร หรือยาทาที่มีตัวยาสเตียรอยด์ผสมกับยาชา (เช่น ยาที่มีชื่อการค้าว่า "Proctosedyl" "Doproct" "Scheriproct N" ชนิดเหน็บทวาร หรือชนิดขี้ผึ้ง/ครีมสำหรับใช้ทา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น และหลังถ่ายอุจจาระ) เพื่อลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดและคัน (จะหยุดใช้เมื่ออาการทุเลาแล้ว จะไม่ใช้นานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ผิวบาง)

3. ถ้ามีภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง ให้ยาบำรุงโลหิต

4. ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกมาข้างนอก แพทย์จะใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไป

5. ถ้าริดสีดวงภายนอกมีลิ่มเลือดอุดตัน มีอาการปวดรุนแรง แพทย์จะทำการกรีดเอาลิ่มเลือดออกไป ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาปวดได้ทันที (จะได้ผลดีภายใน 72 ชั่วโมงหลังเกิดลิ่มเลือด) หลังจากนั้นแนะนำให้ผู้ป่วยแช่น้ำอุ่นจัด ๆ และใช้ยาทาหรือยาเหน็บริดสีดวงทวาร

6. ถ้าให้การรักษาดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ผล มีอาการปวดมาก หรือมีเลือดออกเรื้อรัง หรือมีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักบ่อยหรือดันกลับเข้าไปไม่ได้ แพทย์อาจทำการรักษาด้วย "หัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด" วิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

การใช้ยางรัด (rubber band ligation) รัดรอบ ๆ หัวริดสีดวงภายใน ทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ หัวริดสีดวงก็จะเหี่ยวแห้งและหลุดออกเองภายใน 1 สัปดาห์ วิธีนี้มีอัตราการหายขาดค่อนข้างสูง แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการปวดถ่วงในทวารหนัก เลือดออก (ไม่มากและหยุดเองได้) หัวริดสีดวงอักเสบ (บวม เจ็บ) และย้อยออกมาได้

การฉีดสารก่อกระด้าง (sclerotherapy) เข้าที่หัวริดสีดวง ทำให้ริดสีดวงฝ่อไป วิธีนี้ใช้ได้ผลดี เหมาะสำหรับริดสีดวงภายในระยะที่ 1 และ 2 มีความสะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด แต่มีอัตราการหายขาดน้อยกว่าการใช้ยางรัด
    การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ อินฟราเรด หรือความร้อน (laser, infrared or bipolar photocoagulation) ทำให้หัวริดสีดวงแข็งและยุบลง วิธีนี้ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงภายในที่มีขนาดเล็กและกลาง มีผลข้างเคียงน้อย แต่มีอัตราการกำเริบใหม่มากกว่าการใช้ยางรัด

7. ถ้าเป็นมาก มีภาวะแทรกซ้อน หรือรักษาด้วยยาและหัตถการต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล แพทย์ก็จะรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

การผ่าตัดเอาหัวริดสีดวงออก (hemorrhoidectomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยเลาะเอาเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารออก วิธีนี้ให้ผลการรักษาดี มีโอกาสในการกลับมากำเริบใหม่น้อย แต่อาจมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะคั่ง (ถ่ายปัสสาวะไม่ออก) และการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้

การผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือเย็บติด (stapled hemorrhoidectomy/stapled hemorrhoidopexy) เป็นการใช้เครื่องมือคล้ายเครื่องยิงลวดทำการตัด เย็บ และผูกหัวริดสีดวง ปิดกั้นเลือดที่จะไปเลี้ยงบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวาร ทำให้หัวริดสีดวงเกิดการฝ่อและหลุดไป

วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาริดสีดวงทวารภายในเท่านั้น วิธีนี้ทำให้เกิดการเจ็บปวดน้อยกว่า และฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม แต่มีความเสี่ยงต่อการกำเริบใหม่ และภาวะไส้ตรงยื่นย้อย (rectal prolapse) มากกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม และอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น เลือดออก ปัสสาวะไม่ออก เกิดการติดเชื้อ เป็นต้น

ผลการรักษา ผู้ที่มีอาการเล็กน้อยซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ สามารถให้การรักษาตามอาการ ทำให้อาการทุเลาได้ แต่มีโอกาสกลับมากำเริบเป็นครั้งคราวเวลาท้องผูกหรือท้องเดิน

ในรายที่มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด (เช่น การใช้ยางรัด) มีโอกาสกำเริบใหม่ภายใน 5-10 ปี ถึงร้อยละ 30-50 ส่วนในรายที่รักษาด้วยการผ่าตัดมีโอกาสกำเริบใหม่น้อยกว่าร้อยละ 5

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ถ่ายอุจจาระออกเป็นเลือดสด มีอาการคันหรือเจ็บที่ทวารหนัก มีก้อนยื่นออกมาที่ปากทวารหนักตอนถ่ายอุจจาระ หรือคลำพบก้อนที่ปากทวารหนัก ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นริดสีดวงทวาร  ควรดูแลตนเองดังนี้

รักษาและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน และไม่เบ่งแรง (ผ่อนแรงเบ่งด้วยการอ้าปากและค่อย ๆ หายใจออกทางปาก)
    ไม่นั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก
    ถ้ามีอาการท้องผูก ควรปฏิบัติดังนี้

- ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
- กินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) ให้มาก ๆ
- งดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ท้องผูกได้
- ออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก (ภาวะน้ำหนักเกินมีผลต่อการกำเริบของโรค) และป้องกันท้องผูก
- ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
- กินสารเพิ่มกากใย และ/หรือยาระบายตามคำแนะนำของแพทย์

ถ้าปวดริดสีดวงทวาร นั่งแช่น้ำอุ่น ใช้ยาแก้ปวด และใช้ยาเหน็บหรือยาทาริดสีดวงทวารตามคำแนะนำของแพทย์

ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

มีเลือดออกมาก มีภาวะซีด รู้สึกอ่อนเพลียมาก หรือเวลาลุกนั่งมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม
    มีอาการปวดริดสีดวงมาก
    หัวริดสีดวงยื่นออกมาที่ปากทวารหนัก และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เอง
    น้ำหนักลด ปวดท้องบ่อย ท้องผูกเรื้อรัง ท้องเดินเรื้อรัง หรือมีอาการท้องผูกสลับท้องเดิน

มีอาการถ่ายเป็นเลือดนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล ) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน)
    มีความวิตกกังวล
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปใช้ที่บ้าน ถ้าใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

การป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ หรือช่วยป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ ควรระวังอย่าให้ท้องผูก และลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอาการ ดังนี้

ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดน้ำหนักถ้าอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
    กินอาหารที่มีกากใยมาก (เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) กรณีที่กินอาหารประเภทนี้ไม่มากพอ ให้กินสารเพิ่มกากใยเสริม 
    ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
    ออกกำลังกายเป็นประจำ 
    ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน (เช่น นั่งอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์มือถือ) และไม่เบ่งแรง
    หลีกเลี่ยงการนั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก

ข้อแนะนำ

1. อาการถ่ายเป็นเลือดแม้ว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากแผลปริที่ขอบทวารหนักและริดสีดวงทวาร และสามารถให้การดูแลรักษาตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ได้ แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ร้ายแรงได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease)

ดังนั้น ถ้ามีอาการผิดแปลกไปจากอาการริดสีดวงที่เคยเป็น หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมกับอาการถ่ายเป็นเลือด (เช่น มีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย ท้องเดินเรื้อรัง หรือน้ำหนักลด) หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้ชัดเจน

2. ผู้ที่มีอาการถ่ายเป็นเลือดจากริดสีดวงทวาร ซึ่งมีอาการเล็กน้อย และมีอาการเป็นครั้งคราว อาจคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก และอาจมีความอายที่จะไปพบแพทย์ จะลองรักษาตนเอง หรือปล่อยปละละเลย จะไปพบแพทย์ต่อเมื่อเกิดภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา หรือพบว่าเป็นโรคร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งมักมีความยุ่งยากในการรักษา ดังนั้นควรแนะนำให้คนทั่วไปมีความตระหนักรู้ในเรื่องอาการถ่ายเป็นเลือด และการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

3. ผู้ที่มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน) ซึ่งใช้รักษาและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด อาจมีเลือดออกรุนแรงได้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อปรับยาให้เหมาะสม

15
เที่ยววัดวัดแชกงหมิว วัดกังหัน ที่เที่ยวฮ่องกง ไหว้พระ วัดดัง เสริมความปัง

ได้เวลาเดินสายเที่ยว ไปไหว้พระ ไปมูเสริมความปังกันที่ เกาะฮ่องกง แล้วค่า โดยเราจะไปไหว้พระ วัดดัง ที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อของ วัดกังหัน หรือ วัดแชกงหมิว นั่นเองง หลายคนอาจจะรู้ถึงในความศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้แล้ว แต่ประวัติเป็นมาอาจจะยังไม่ได้รู้จริงๆ งั้นมาดูกันเลยดีกว่าจ้า

 
ประวัติ วัดแชกงหมิว

วัดแชกงหมิว (Che Kung temple) หรือที่คนไทยอย่างเราๆ รู้จักกันดีในชื่อของ วัดกังหันลม เป็นวัดที่ชาวจีนนั้นให้ความเคารพและศรัทธาเลื่อมใสกันมาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่ 300 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อระลึกถึง นักรบเอกที่ชื่อว่า “แช กง” นั่นเองค่ะ โดยท่านผู้นี้เป็นนักรบในราชวงศ์ซ่ง มีฝีมือเก่งกาจและเป็นแม่ทัพปราบศึก โดยท่านจะมีสัญลักษณ์ประจำกองทัพนั่นก็คือ กังหันลม ค่ะ ว่ากันว่าถ้าได้มาขอพรที่นี่จะช่วยพัดพาสิ่งที่ไม่ดีออกไป และนำความโชคดีเข้ามาในชีวิตเราด้วยน้า

โดยเรื่องร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของ วัดแชกงหมิว นั้น ว่ากันว่าสามารถพัดพาสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัว และนำความโชคดีเข้ามาในชีวิตได้ค่ะ จนทำให้ผู้คนต่างพากันไปไหว้ขอพรกันมากมายเลย เชื่อกันว่า มาที่นี่แล้วต้องมาหมุนกังหันลม เพราะการมาหมุนกังหันลมกลับทิศที่วัดนี้ จะช่วยหมุนชีวิตให้พลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้นั่นเองค่ะ รวมถึงยังช่วยให้ราบรื่น เงินทองไหลมาเทมา เหมือนกังหันที่กำลังลู่ลมอยู่

 นอกจากนี้ยังมีตำนานเกี่ยวกับวัดว่า เคยมีโจรสลัดจะยกทัพมาปล้นหมู่บ้านซ่าถิ่น ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นอพยพขนข้าวของหนีตายกันไปหมด แล้วมีหญิงคนหนึ่งกำลังจะพาลูกหนี ระหว่างทางเธอเลยพบกับชายชราที่มีเคราขาวยาว มาถามไถ่เรื่องราวต่างๆ

 จากนั้นชายชราได้บอกให้หญิงคนนั้นกลับไปยังหมู่บ้าน และพับกังหันลมกระดาษ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และให้นำไปเสียบไว้หน้าหมู่บ้าน ต่อมาโจรสลัดก็ยกพลผ่านหมู่บ้านนั้นไป ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านอยู่รอดปลอดภัย ชาวบ้านเลยเชื่อว่า ชายชราคนนั้นคือ นายพลแชกง ต่อมาหมู่บ้านนี้ก็ได้เป็นที่ตั้งของ วัดกังหันลม

ใครไป วัดแชกงหมิว ก็อย่าลืมไปไหว้ขอพรตามวิธีได้เลยค่ะ โดยสำหรับกังหันที่เราเห็นกันนั้นจะมีใบพัด 4 ใบ โดยมีความหมายที่แตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของการเดินทางปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว เรื่องโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา และเรื่องการสมความปรารถนานั่นเองค่ะ และเมื่อไหว้เสร็จแล้วก็อย่าลืมเช่าเครื่องรางมาบูชา เสริมดวงกันด้วยนะคะ

 
การเดินทาง ไป วัดแชกงหมิว

สามารถเดินทางไปโดยใช้รถไฟใต้ดิน MTR โดยนั่งสาย Ma On Shan มาลงที่สถานี Che Kung Temple หรือ สถานี Tai Wai จากนั้นให้ออกทางออก Che Kung Temple แล้วเดินมาบนเส้นถนน Che Kung Miu ไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง วัดแชกงหมิว แล้วค่ะ

     เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

หน้า: [1] 2 3 ... 19






















































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย